ไทยรัฐออนไลน์
"เจได" เครดิต ไชยรินทร์ กับ "มะปราง" ด.ญ.อมิตตาลัย ประสูตรนาวิน 2 พี่น้องนักเทนนิสเยาวชนไทยถูกมิจฉาชีพชาวโดมินิกันจี้ชิงทรัพย์ขณะวิ่งวอร์มและฝึกซ้อม
วันที่ 5 ธ.ค. 63 ตามที่ "เจได" เครดิต ไชยรินทร์ นักหวดดาวรุ่งไทย วัย 16 ปี ซึ่งมีเอทีพี แร้งกิ้งที่ 1,632 ของโลก ได้เดินทางไปแข่งขันเทนนิสอาชีพเพื่อเก็บคะแนนสะสมโลกไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิสทัวร์ "M15 ซานโต โดมินิโก" ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่สาธารณรัฐโดมินิกันนั้น
ล่าสุดมีรายงานจาก นายมาร์วิน ประสูตรนาวิน บิดาของ เจไดว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ เจได และน้องสาว "มะปราง" ด.ญ.อมิตตาลัย ประสูตรนาวิน วัย 13 ปี ได้ลงทำการวิ่งวอร์มเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการแข่งขันและฝึกซ้อม ซึ่งระหว่างที่วิ่งวอร์มอยู่นั้นปรากฎว่าได้เกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อมีมิจฉาชีพเป็นชายชาวต่างชาติ 2 คนได้เข้ามาใช้กำลังล็อกมือของทั้ง 2คน โดย เจได ถูกขู่ห้ามร้องและไม่ให้ขัดขืน ก่อนที่ผู้ร้ายจะใช้ด้ามปืนทุบเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนศีรษะแตก ส่วน มะปราง น้องสาวถูกล็อกแขนและมีการใช้ปืนจี้ขู่เพื่อไม่ให้ตะโกนร้องด้วย แต่ไม่ถูกทำร้ายร่างกายอย่างใด จากนั้นผู้ร้ายได้ดึงเอาโทรศัพท์มือถือและหูฟังของเจได และของมะปรางไปได้ก่อนจะวิ่งหนีหลบหายไป
นายมาร์วิน กล่าวว่า สนามแข่งขันแห่งนี้เป็นสนามเปิด ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ปกติก็มีทหารมาตรวจตราอยู่ตลอด และมีประชาชนมาใช้ออกกำลังกายเป็นประจำและในช่วงที่เจได กับมะปราง ทำการวิ่งวอร์มนั้นเป็นช่วงกลางวัน ไม่ได้เปลี่ยวและมีคนมาออกกำลังกาย มีเจ้าหน้าที่เข้าออกหลายคน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากเกิดเหตุตนก็ได้รีบแจ้งให้ฝ่ายจัดการแข่งขันทราบและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ขณะที่เจได อาการบาดเจ็บได้รับการปฐมพยาบาล มีการเย็บแผลไป 5 เข็ม แต่ในส่วนของสภาพจิตใจนั่นยอมรับว่ายังมีความรู้สึกตกใจและหวาดกลัวอยู่ เช่นเดียวกับมะปรางที่ค่อนข้างจะตกใจกลัวอย่างมาก
"ที่ผ่านมาผมพาลูกไปแข่งปกติก็จะให้ลูกวอร์มร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันแบบนี้และไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกอย่างเราอยู่ภายในบริเวณที่จัดการแข่งขันคิดว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูก เรื่องอาการเจ็บก็โชคดีที่ไม่ได้รุนแรงมาก สามารถรักษาได้ แต่ในเรื่องสภาพจิตใจยอมรับว่าลูกยังตกใจและหวาดกลัว เขาเพิ่งอายุ 16 ปี ยังเป็นเยาวชน รวมถึงมะปรางที่ค่อนข้างกลัวมาก เหตุการณ์แบบนี้ถือว่ารุนแรงสำหรับเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็จะพยายามให้กำลังใจและดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ส่วนการแข่งขันก็ต้องดูสภาพโดยรวมว่าพร้อมที่จะแข่งหรือไม่ เพราะเจไดยังเหลือการแข่งขันที่นี่ในสัปดาห์หน้าอีก ส่วนคดีความเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็ยอมรับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ที่นี่ และนี่คือความไม่ปกติดังนั้นก็จะพยายามเร่งหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด"
พ่อเจได กล่าวอีกว่า หลังจบการแข่งขันรายการนี้ตนและครอบครัวที่มากัน 4 คนคือพ่อ แม่ และลูก 2 คน เจได กับ มะปราง ตามแผนเดิมคือเราจะอยู่ซ้อมร่วมกับทีมเดวิสคัพโดมินิกันถึงวันที่ 19 ธ.ค.แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์นี้ก็คงจะเปลี่ยนแผนเดินทางกลับฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เพื่อไปซ้อมอะคาเดมี่ที่ซ้อมเป็นประจำทันที โดยปีนี้ไม่มีแข่งอะไรแล้ว เจไดจะไปเริ่มแข่งรายการอาชีพอีกทีก็วันที่ 4ม.ค.ปีหน้าซึ่งจะเป็นรายการที่ในยุโรปเริ่มต้นที่ประเทศตุรกี
ด้านนายไทยทนุ วรรณสุข เลขาธิการสมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า หลังจากได้ทราบเรื่องก็รู้สึกเป็นห่วงทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของเจได และน้องสาว "มะปราง" ด.ญ.อมิตตาลัย ประสูตรนาวิน และคุณพ่อที่ไปด้วยกันในครั้งนี้ก็ได้แสดงความห่วงใยและได้ให้กำลังใจไปทางครอบครัวนี้แล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นสิ่งที่รุนแรงสำหรับเด็กและจะมีผลต่อจิตใจที่จะเด็กวัยนี้จะจดจำไปจนโต ตนและะผู้บริหารสมาคมฯก็ค่อนข้างเป็นห่วงอย่างมาก
"ครอบครัวนี้ถือเป็นครอบครัวนักสู้ จากที่ผ่านมาผู้เป็นพ่อจะพยายามสนับสนุน ส่งเสริมลูกทั้ง เจได และ มะปราง ไปแข่งขันและฝึกซ้อมยังต่างประเทศแม้จะต้องเจออุปสรรคความยากลำบาก ทั้งการแข่งขันและการไปซ้อมโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาแต่ก็ไม่ย่อท้อ รวมถึงในช่วงนี้ที่นักเทนนิสหลายคนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์โควิด-19 แต่ครอบครัวนี้ก็ได้ตัดสินใจไปแข่งขันเพื่อให้ลูกได้หาประสบการณ์และมีโอกาสได้ซ้อมกับนักเทนนิสต่างประเทศ หลังหยุดพักมาร่วม 10 เดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก ผมเองก็ได้เป็นตัวแทนสมาคมกีฬาเทนนิสฯ แสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจไปให้เจไดและครอบครัวแล้วเช่นกัน" นายไทยทนุ กล่าว