หน้าแรกแกลเลอรี่

นักปั่นไทยผงาดรองแชมป์เอเชีย-อันดับ 1 "อาเซียน ทัวร์ เดอ ลังกาวี"-“เสธ.หมึก” ชี้ผลงานน่าพอใจ

ไทยรัฐออนไลน์

8 ต.ค. 2567 14:22 น.

นักปั่นทีมชาติไทยคว้ารองแชมป์เอเชีย และอันดับ 1 อาเซียน ทัวร์ เดอ ลังกาวี “เสธ.หมึก” ชี้ผลงานภาพรวมน่าพอใจ

นักปั่นทีมชาติไทยทำผลงานยอดเยี่ยมคว้ารองแชมป์เอเชีย รวมทั้งอันดับ 1 ของอาเซียนมาครอง ในศึกสองล้อทางไกล “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2024” ที่มาเลเซีย ขณะที่ “ธนาคาร ไชยยาสมบัติ” ได้อันดับ 4 เวลารวมนักปั่นเอเชีย โดยมีนักปั่นญี่ปุ่นกวาดอันดับ 1-3 ไปครอง ด้าน “เสธ.หมึก” เผยผลงานภาพรวมของนักปั่นทีมไทยน่าพอใจเพราะต้องต่อกรกับนักปั่นระดับ “เวิลด์ ทัวร์” และระดับ “โปรทีม” เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักปั่นไทยที่สามารถต่อกรสู้กับนักปั่นในภูมิภาคเอเชียได้อย่างไม่เป็นรอง

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ส่งนักกีฬาจักรยานชายทีมชาติไทย ไปแข่งขันจักรยานทางไกล “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2024” ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน - 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายการระดับโปรซีรี่ส์ของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ผลปรากฏว่านักปั่นทีมชาติไทยทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยนักปั่นทีมชาติไทย ประกอบด้วย “เฟรม” ส.อ.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ นักปั่นชุดโอลิมปิกเกมส์ 2024, “มะตูม” พ.อ.อ.พีระพล ชาวเชียงขวาง, “วุฒิ” ส.ท.สราวุฒิ สิริรณชัย, “ดอย” ร.ต.ท.นวุติ ลี้พงษ์อยู่, “ออม” นายรัชชานนท์ เยาวรัตน์ และ “เกมส์” นายนพชัย กล้าหาญ คว้าตำแหน่งรองแชมป์เอเชียมาครองสำเร็จ และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน โดยอันดับ 1 เอเชียเป็นของทีมเจซีแอล ยูเกียว ทีมคอนติเนนตัลจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ “เจ้าเฟรม” ธนาคาร ก็คว้าตำแหน่งอันดับ 4 เวลารวมนักปั่นเอเชีย

พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันจักรยานทางไกล “เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2024” ต้องยอมรับว่าทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก มีทั้งทีมอาชีพระดับสูงสุด เวิลด์ ทัวร์ ทีม เข้าชิงชัย 3 ทีม และเป็นทีมระดับดิวิชั่นสอง ยูซีไอโปรทีม จำนวน 7 ทีม นอกจากนี้ยังมีทีมยูซีไอคอนติเนนตัล อีกจำนวน 9 ทีม ส่งผลให้การแข่งขันในแต่ละสเตจมีความเร็วเฉลี่ยสูงมาก เกินกว่า 45 กม. ต่อชั่วโมง แม้กระทั่งในสเตจที่ 3 เส้นทางจากไทปิงไปจบบนยอดเขาคาเมรอน ไฮแลนด์ ที่นักปั่นต้องปั่นปีนเขาคาเมรอน ไฮแลนด์ในช่วงเข้าเส้นชัยเป็นระยะทางกว่า 50 กม. ยังมีความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 39 กม. ต่อชั่วโมง

“สำหรับผลการแข่งขันเลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2024 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน อันดับเวลารวม 20 อันดับแรก ปรากฏว่าเป็นของนักปั่นจากยุโรปเกือบทั้งหมด มีเพียงนักกีฬาจากเอกวาดอร์ในอเมริกาใต้ 1 คนและสหรัฐอเมริกาอีก 1 คนเท่านั้น ที่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ใน 20 อันดับแรกได้ ส่วนนักปั่นเอเชียที่มีผลงานดีที่สุดคือ มานาบุ อิชิบาชิ จากทีมเจซีแอล ยูเกียว ทีมคอนติเนนตัลจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไปฝังตัวในประเทศอิตาลี นานหลายเดือนตลอดช่วงฤดูกาล 2023-2024 รั้งอันดับ 24 เวลารวม และคว้าแชมป์เวลารวมนักปั่นเอเชียไปครอง ในขณะที่อันดับ 2 และ 3 ก็ยังเป็นนักปั่นจากญี่ปุ่น ยูมะ โคอิชิ จากทีมเจซีแอล ยูเกียว กับ ไคโกะ คูซาบะ จากทีมไอซาน เรซซิง และอันดับ 4 เป็น ส.ต.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ นักปั่นทีมชาติไทย ที่ทำเวลารวมตามหลังอิชิบาชิ เพียง 2.45 นาที” พลเอกเดชา กล่าว

พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น “เจ้าวุฒิ” ส.ท.สราวุฒิ สิริรณชัย ยังสามารถสปรินท์เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 15 ในสเตจที่ 5 เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-มะละกาและคว้าตำแหน่งนักปั่นเบสต์เอเชี่ยน ประจำสเตจที่ 5 มาครองสำเร็จ อีกทั้งนักปั่นทีมชาติไทยสามารถฝ่าฟันจนจบการแข่งขันได้รวม 5 คน มีเพียง นายรัชชานนท์ เยาวรัตน์ เท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มล้มจากอุบัติเหตุหน้าเส้นชัยในสเตจที่ 2 ได้รับบาดเจ็บต้องถอนตัวจากการแข่งขัน ขณะที่ทีมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นตรังกานู ไซคลิงทีม (มาเลเซีย) มาเลเซีย โปรไซคลิง (มาเลเซีย) ทีมชาติมาเลเซีย, นูซานทารา (อินโดนีเซีย) และทีมชาติฟิลิปปินส์ รวมไปถึงทีมอาชีพคอนติเนนตัลทีมในเอเชีย ทั้งหลี่หนิงสตาร์ (จีน), เฮงเชียง ไซคลิง (จีน), ไอซาน เรซซิง (ญี่ปุ่น) หรือฮ่องกง โปรไซคลิง (ฮ่องกง) ต่างก็มีนักปั่นถูกตัดเวลาออกจากการแข่งขันนับสิบคน

“ผลงานของนักปั่นไทยในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่านักกีฬาไทยสามารถยืนหยัดสู้กับนักปั่นในภูมิภาคเอเชียได้อย่างไม่เป็นรอง สิ่งที่จักรยานไทยยังคงต้องทำงานหนักกันต่อไปก็คือรักษาระดับมาตรฐานในการชิงชัยระดับเอเชียด้วยกันเอาไว้ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องพัฒนายกระดับมาตรฐานนักกีฬาไทยให้ทัดเทียมกับภูมิภาคอื่นต่อไปในอนาคต ซึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาและใช้สรรพกำลังในทางการกีฬาจักรยานรวมถึงงบประมาณมหาศาลในการดำเนินการ” พลเอกเดชา กล่าวในตอนท้าย