ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้ ทรงร่วมแสดงความยินดีเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยที่คว้าเหรียญรางวัลจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 มาได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ท่ามกลางความปลื้มปีติอย่างล้นพ้นและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของเหล่านักกีฬา ด้านนักกีฬาชื่นมื่นกันถ้วนหน้า รัฐบาลจัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้อย่างยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล จัดขบวนแห่สมเกียรติ มีประชาชนร่วมแสดงความยินดีกันคึกคักสองข้างทางขณะที่ขบวนเคลื่อนผ่าน แถมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หลังได้เงินรางวัลอัดฉีดก้อนโต ทั้งนักกีฬาที่ได้เหรียญและไม่ได้เหรียญ รวมถึงผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา ที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2024 รวมยอดเงินทั้งหมด 65.9 ล้านบาท
หลังจากทัพนักกีฬาทีมชาติไทย สร้างผลงานคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 “ปารีสเกมส์” ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และจบการแข่งขันใน อันดับที่ 44 ในตารางเหรียญรางวัลรวม จากทั้งหมด 206 ประเทศที่มาร่วมชิงชัย โดย 1 เหรียญทอง ได้จาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ส่วน 3 เหรียญเงิน จาก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แบดมินตันชายเดี่ยว “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนัก รุ่น 61 กิโลกรัมชาย “เวฟ” วีรพล วิชุมา ยกน้ำหนัก รุ่น 73 กิโลกรัมชาย ขณะที่ 2 เหรียญทองแดง จาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า ยกน้ำหนัก รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง และ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง มวยสากล รุ่น 66 กิโลกรัมหญิง ทั้งนี้ บรรดานักกีฬาได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จัดพิธีต้อนรับนักกีฬาทีมชาติไทย เริ่มจากจัดขบวนแห่ฉลองชัยนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล ไปตามเส้นทางต่างๆ ก่อนหน้านั้นในเวลา 10.00 น. ที่ห้องรับรอง บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ผู้แทนพระองค์ ได้อัญเชิญของขวัญพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้ และกระเช้าให้นักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล สร้างความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่บรรดานักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานจัดงานพิธีมอบรางวัลและเลี้ยงอาหารกลางวัน แสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 และกล่าวว่า หลายสมาคมฯประสบความสำเร็จ ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ทำให้นานาประเทศได้เห็นถึงศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ทัพนักกีฬาไทยยังสามารถรักษามาตรฐานผลการแข่งขันกีฬาระดับโลกไว้ได้อย่างงดงาม สร้างชื่อเสียงจากการได้รับเหรียญรางวัลรวมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน
ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกฯ กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกเหรียญทอง 2 สมัยติดต่อกัน นับเป็นนักกีฬาคนแรกของไทยและเป็นประวัติศาสตร์ที่จะต้องถูกจารึกไว้ เชื่อว่าผลงานครั้งนี้สะท้อนความสำเร็จได้ตามเป้า อันเกิดจากนโยบายสำคัญที่ตนให้ไว้ โดยเฉพาะเรื่องการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อความเป็นเลิศอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม นักกีฬายังคงต้องมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ทุกสมาคมจะต้องนำประสบการณ์จากการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ไปปรับปรุงแก้ไข และถอดบทเรียนเพื่อสร้างผลงานให้ดียิ่งขึ้น ในรายการแข่งขันอื่นๆต่อไป ฝากให้สมาคมกีฬามุ่งใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาที่มีมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยยกระดับผลงานของนักกีฬาทุกประเภทให้ดียิ่งๆขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันการใช้สารต้องห้าม จะต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด และเด็ดขาดด้วยเช่นกัน
ส่วนรัฐบาลจัดกิจกรรมขบวนแห่ฉลองชัยนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลไปตามเส้นทางต่างๆ เริ่มจาก เลี้ยวซ้ายออกจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เลี้ยวซ้ายตรงแยกเพื่อเลี้ยวเข้าถนนพิษณุโลกตรงไปตามถนนพิษณุโลก จนถึงแยกสวนมิสกวันเลี้ยวขวาแยกสวนมิสกวัน เพื่อเข้าถนนราชดำเนินนอกเลี้ยวขวา แยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าถนนราชดำเนินกลางตรงผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ร่วมแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองความสำเร็จไปด้วยกัน บรรยากาศการแห่เฉลิมฉลองตามเส้นทางดังกล่าวเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนจำนวนมากมาร่วมแสดงความยินดี บริเวณสองข้างทางขบวนผ่าน
เวลา 13.30 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.คมนาคม เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. คณะผู้บริหารและคณะนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมงานเลี้ยง
สำหรับการมอบรางวัลและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬาในครั้งนี้ เป็นการมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนา การกีฬาแห่งชาติ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 43,200,000 บาท ดังนี้ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด เหรียญทอง ได้รับเงินรางวัลรวม 12,000,000 บาท วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาแบดมินตัน เหรียญเงิน ได้เงินรางวัลรวม 7,200,000 บาท ธีรพงศ์ ศิลาชัย นักกีฬายกน้ำหนัก เหรียญเงิน ได้รับเงินรางวัลรวม 7,200,000 บาท วีรพล วิชุมา นักกีฬายกน้ำหนัก เหรียญเงิน ได้รับเงินรางวัลรวม 7,200,000 บาท สุรจนา คำเบ้า นักกีฬายกน้ำหนัก เหรียญทองแดง ได้รับเงินรางวัลรวม 4,800,000 บาท และจันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักกีฬามวยสากล เหรียญทองแดง ได้รับเงินรางวัล รวม 4,800,000 บาท
ยังมีเงินรางวัลในส่วนผู้ฝึกสอนและสมาคมกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล 4 สมาคมกีฬา รวมเป็นเงิน 18,000,000 บาท ดังนี้ สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย 3,000,000 บาท สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย 5,000,000 บาท สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย 2,000,000 บาท และสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย 8,000,000 บาท นอกจากนี้รัฐบาลยังมอบเงินรางวัลให้แก่นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ไม่ได้เหรียญรางวัล 47 คน (นักกีฬาตัวจริง 45 คน และ ตัวสำรอง 2 คน) คนละ 100,000 บาท เป็นเงิน 4,700,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคนอีกด้วย รวมเงินรางวัลในครั้งนี้ทั้งหมด 65,900,000 บาท
จากนั้นได้มีพิธีกดโอนเงินให้กับนักกีฬาแบบเรียลไทม์ นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการ รมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เพื่อให้นักกีฬาได้รับเงินรางวัลแบบสดๆบนเวทีอีกด้วย
นายสุริยะกล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานงานเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีกับนักกีฬา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ งานวันนี้จะสมบูรณ์กว่านี้เพราะว่าท่านอดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งใจจะมาจัดงานเลี้ยงด้วยตัวเอง ขอแสดงความชื่นชมผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ถือว่าเป็นความสำเร็จและเกียรติประวัติให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย สร้างชื่อเสียง นำความภาคภูมิใจมาสู่ชาวไทยทุกคน ความสำเร็จของนักกีฬาเป็นผลมาจากการเสียสละกำลังกาย กำลังใจ ของนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง ทุกท่าน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความสามารถของนักกีฬาอย่างเป็นที่ประจักษ์กับนานาประเทศ
รักษาการรองนายกฯ และรักษาการ รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า ขอชื่นชมการปฏิบัติงานของผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน สมาคม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าความสำเร็จและรางวัลเกียรติยศที่ได้รับในครั้งนี้จะเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง พัฒนาความสามารถเพื่อประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งต่อไป สำหรับคนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ขอให้ระลึกไว้เสมอว่าผลงานที่สร้างไว้เป็นเกียรติ ประวัติของประเทศ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน ในการพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศและอาชีพต่อไปในอนาคต ตัวแทนนักกีฬาไทยเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ขอให้รักษาความดีและเกียรติยศที่ได้รับเอาไว้นี้ให้มั่นคงสืบไป
“ผมเห็นนักกีฬาทุกคนที่เข้าร่วม ทุกคนเสียสละเวลาฝึกซ้อมหลายปี ทั้งคนที่ได้เหรียญหรือคนที่ไม่ได้เหรียญ จึงจะมอบเงินอัดฉีดให้กับคนที่ไม่ได้รับเหรียญ เป็นการส่วนตัวอีกคนละ 20,000 บาท” นายสุริยะกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการอัดฉีดจากภาคเอกชน ได้แก่ แอโร่ซอฟ สำหรับคนที่ได้รับเหรียญ โดยเหรียญทอง ได้รับ 3,000,000 บาท, เหรียญเงิน 2,000,000 บาท และเหรียญทองแดง 1,000,000 บาท ส่วนนักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญอีกคนละ 30,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจอีกด้วย