ไทยรัฐออนไลน์
2 นักกีฬาวีลแชร์ กับ นักวิ่งผู้พิการทางการได้ยิน ร่วม "วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก" ผ่าน 9 วันสะสมระยะทางไปแล้วถึง 763.9 กม.
วันที่ 4 เม.ย. 64 นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำทีมนักวิ่งออกสตาร์ตในวันที่ 9 ของกิจกรรมประวัติศาสตร์ "FLAG OF NATION วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก" ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่อง 61 วัน โดยวิ่งผ่าน 35 จังหวัดทั่วประเทศไทย รวมระยะทาง 4,606 กม. เทียบเท่าระยะทางกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโตเกียว
สำหรับการวิ่งธงชาติไทยในวันที่ 9 ออกสตาร์ตจาก สนามกีฬากลาง จ.สุราษฎร์ธานี มุ่งหน้าไปยังศูนย์โตโยต้า นครศรีธรรมราช สาขาสิชล จ.นครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 70.3 กม. โดยมี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัด ทำหน้าที่อัญเชิญธงชาติไทย พร้อมนำคณะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด และขบวนจักรยาน ออกวิ่งธงไตรรงค์เป็นผลัดแรก
หลังการวิ่ง นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เผยว่า กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการปลุกจิตสำนึกให้คนไทยเกิดความรักสามัคคีในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ซึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ก็มีนักกีฬาเข้าร่วมในโอลิมปิกเกมส์ด้วย ที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์ถึงกิจกรรมนี้ และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบและติดตามอยู่ตลอด
"ส่วนการวิ่งผลัดธงชาติไทยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีวันที่ 9 ก็ถือว่าจะผ่านจุดสำคัญๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กหลายแห่ง ทั้ง พระบรมธาตุไชยา ศาลหลักเมือง รวมไปถึงชุมชนในเขตสุราษฎร์ธานี และผ่านโบราณเส้นทางสาย 41 ซึ่งนอกจากจะวิ่งธงส่งพลังใจให้นักกีฬาแล้ว ก็ถือเป็นการโปรโมทจังหวัดไปในตัว ทั้งนี้ผมในฐานะตัวแทนชาวไทยและชาวสุราษฎร์ธานี อยากเชิญชวนให้ชาวไทยทุกคน รวมถึงชาวสุราษฎร์ ส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทยทุกคนสู้เต็มที่เพื่อชนะด้วยครับ"
ทั้งนี้ในวันที่ 9 ของกิจกรรม “วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” ยังมีพี่น้องนักวิ่งชาวสุราษฎร์ธานี รวมถึงนครศรีธรรมราช ออกมาช่วยกันทำภารกิจวิ่งรับส่งธงชาติไทยกันตลอดเส้นทาง โดยในลำดับการวิ่งที่ 23 “ศิรินทร์ คุ้มวงศ์” นักวิ่งเจ้าของฉายา "เสือออย" ที่แม้จะพูดไม่ได้ โดยได้ยินและรับรู้เพียงเล็กน้อย หอบความตั้งใจเต็มร้อยออกมาร่วมวิ่งส่งกำลังใจในครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องนักกีฬาคนพิการไทย “ชัยรัตน์ เพชรมณี” และ “สิริพร ชูพร้อม” อดีตนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 8 ก็ควงคู่กันออกมาร่วมปั่นวีลแชร์คนละ 1 กม. นับเป็นอีกภาพบรรยากาศหนึ่งของกิจกรรมวิ่งผลัดธงชาติไทยที่งดงาม ซึ่งเกิดขึ้นใน กม.ที่ 719 และ 720
สิริพร ชูพร้อม อดีตนักกีฬาวีลแชร์แบดมินตันทีมชาติไทย ชุดอาเซียนพาราเกมส์ ปี 2015 ที่สิงคโปร์ วัย 41 ปี เผยว่า ตอนแรกก่อนปั่น ตื่นเต้น พะวง กลัวจะทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ตั้งใจและทำสำเร็จผ่านมาได้ สำหรับตนในนามคนพิการของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็อยากส่งกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยที่ได้ไปโอลิมปิกและพาราลิมปิกทุกคน
ด้าน ชัยรัตน์ เพชรมณี จากสมาคมพัฒนากีฬาคนพิการ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนดีใจและภูมิใจมากๆ ที่มีโอกาสได้สัมผัสและเชิญธงชาติไทยที่จะนำไปมอบให้กับนักกีฬานำไปใช้ในกีฬาโอลิมปิก ก็อยากฝากให้กำลังใจไปถึงนักกีฬาไทยทุกคน และอยากเชิญชวนให้ทุกคนออกมาเล่นกีฬากันเยอะๆ เพราะนอกจากจะสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว ยังสร้างมิตรภาพ สร้างโอกาส รวมถึงรายได้ให้กับตัวเองด้วย
ทั้งนี้การวิ่งมาสิ้นสุดลงที่ศูนย์โตโยต้า นครศรีธรรมราช สาขาสิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตลอดวันวิ่งเพิ่มระยะทางได้อีก 70.3 กม. ทำให้ 9 วัน วิ่งผ่านไปแล้ว 8 จังหวัด สะสมระยะได้แล้ว 763.9 กม. โดยการวิ่งในวันที่ 6 เม.ย.64 ซึ่งเป็นวันที่ 10 ของกิจกรรมวิ่งธงชาติไทย จะทำการออกสตาร์ตจากโตโยต้า นครศรีธรรมราช สาขาสิชล ไปยังสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทางรวม 65.5 กม.
สำหรับเส้นทางการวิ่งผลัดธงชาติไทย "FLAG OF NATION วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก" ซึ่งกำหนดจัดขึ้นต่อเนื่อง 61 วัน ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.- 27 พ.ค. 64 ใช้เส้นทางการวิ่งรวม 4,606 กม. วิ่งผ่าน 35 จังหวัดทั่วประเทศไทย ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และมาสิ้นสุดที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรม รับชมการไลฟ์สด พร้อมร่วมคอมเมนต์ส่งกำลังใจให้กับอาสาสมัครนักวิ่งและนักกีฬาไทยได้ที่เฟซบุ๊ก "Road to Tokyo 2020" ตลอดทั้งวัน รวมถึงสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมได้ที่ www.stadiumth.com และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/THStadium/