ไทยรัฐออนไลน์
สุราษฎร์ธานี ยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” อย่างเต็มที่ ด้าน “นายสนิท ศรีวิหค” รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี เผยเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดไปสู่สายตาชาวโลก รวมทั้งเชื่อมั่นว่าสมาคมกีฬาจักรยานฯ วางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด “โควิด-19” อย่างรัดกุม
วันที่ 18 ก.ย.63 นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับ พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ซึ่งกำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 6-16 ตุลาคม เส้นทางจากจังหวัดสมุทรสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ธานี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ห้องโกเมน โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสนิท กล่าวต่อที่ประชุมว่า ถึงแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเชื่อมั่นว่าสมาคมกีฬาจักรยานฯ นำโดย พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมฯ ได้วางมาตรการ และเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน จนกระทั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อนุมัติให้จัดการแข่งขันในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal ในนามของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัด ขอขอบคุณ พลเอกเดชา และคณะเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ที่เดินทางมาประชุมเตรียมความพร้อมร่วมกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางจังหวัดยินดีให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยดีทุกประการ
พลเอกเดชา กล่าวว่า หลังจากที่สหพันธ์จักรยานนานาชาติ หรือ ยูซีไอ อนุมัติให้สมาคมกีฬาจักรยานฯ จัดการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ก็ยังมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ ศบค. กำหนดให้นักกีฬาต่างชาติที่จะเดินทางมาแข่งขันต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะการกักตัว 14 วันในสถานกักกันที่รัฐรับรอง แต่ปัญหาใหญ่คือหลายทีมไม่มีเที่ยวบินเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ส่งผลให้เหลือทีมต่างชาติจำนวนไม่กี่ทีม อย่างไรก็ตาม ยูซีไอ ได้ออกบทเฉพาะกาลให้การแข่งขันรายการนี้ยังคงอยู่ในระดับ 2.1 ตามเดิม โดยสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้วางมาตรการป้องการการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ขั้นสูงสุด สำหรับเจ้าหน้าที่ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และนักกีฬาที่อยู่ในเมืองไทย จะต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด ในวันที่ 4 ตุลาคม ทุกคน
จากนั้นที่ประชุมได้ชมวีดิทัศน์มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 และแนวทางจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้จัดทำขึ้น ขณะที่ นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับหน่วยงานต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ แขวงการทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดูแลเรื่องการปรับปรุงพื้นผิวการจราจร การปิดกั้นการจราจรระหว่างการแข่งขัน เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อนักกีฬา รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงกำหนดการแข่งขัน เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่สำคัญและเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะจัดประชุมเป็นการภายใน เพื่อเตรียมความพร้อมช่วงสุดท้าย ในวันที่ 23 กันยายนนี้
นายสนิท กล่าวอีกว่า นอกจากการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” จะเป็นการแข่งขันรายการที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย อีกทั้งเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ซบเซามานานจากพิษโควิด-19 เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จะถ่ายทอดสด ผ่านทางเฟซบุ๊ก และยูทูบ เผยแพร่ออกไปทั่วโลก
สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” คือการรับขบวนนักกีฬาในสเตจที่ 5 จากจังหวัดระนอง ในวันที่ 10 ตุลาคม และมีการปล่อยตัวนักกีฬาชายในสเตจที่ 6 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย ในวันที่ 11 ตุลาคม ระยะทาง 142.30 กิโลเมตร จากบริเวณศาลาริมแม่น้ำตาปี หน้าศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปเข้าเส้นชัยที่บริเวณจุดชมวิวเขื่อนรัชชประภา โดยก่อนที่จะมีการปล่อยตัวนักกีฬาในเวลา 09.00 น. พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ จะมอบรถจักรยานให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดารตามโรงเรียนต่างๆ ของจังหวัดระนอง จำนวน 50 คัน
นอกจากนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในประเภททีมหญิง ทั้ง 3 สเตจ ดังนี้ สเตจที่ 1 วันที่ 14 ตุลาคม ระยะทาง 82.10 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณศาลาริมแม่น้ำตาปี หน้าศาลหลักเมือง ไปอำเภอพุนพิน กลับมาเข้าเส้นชัยที่หน้าศาลหลักเมือง, สเตจที่ 2 วันที่ 15 ตุลาคม ระยะทาง 98.60 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณศาลาริมแม่น้ำตาปี หน้าศาลหลักเมืองฯ ไปอำเภอกาญจนดิษฐ์ กลับมาเข้าเส้นชัยที่หน้าศาลหลักเมือง และสเตจที่ 3 วันที่ 16 ตุลาคม ระยะทาง 80.20 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณศาลาริมแม่น้ำตาปี หน้าศาลหลักเมือง ไปอำเภอท่าฉาง แล้วเข้าเส้นชัยที่หน้าวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร