หน้าแรกแกลเลอรี่

วัดใจบิ๊กป้อม

เบี้ยหงาย

9 มี.ค. 2561 05:01 น.

เกือบจะลืมกันไปแล้วกับเรื่องราวฉาวโฉ่ กรณีทีมมวยไทยสมัครเล่นของไทย ในกีฬาซีเกมส์ ที่มาเลเซีย เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว มีการแบ่งเหรียญให้กับเจ้าภาพ ทำให้ทีมไทยที่ส่งนักมวยแข่ง 5 รุ่น ได้มา 2 เหรียญทองเท่านั้น โดยหัวหน้าผู้ฝึกสอน สุรัตน์ เสียงหล่อ ออกมาบอกเองถึงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นนโยบายของสมาคม อยากให้ชาติอื่นๆสนใจ และหันมาเล่นมวยไทยมากขึ้น จึงส่งนักชกที่ไม่ใช่ตัวเก่งที่สุดมา

ทั้งยังระบุว่า มวยไทยมีโอกาสไปโอลิมปิก แต่หากเราส่งแข่ง 5 รุ่น แล้วได้เหรียญทอง 5 รุ่น ต่อไปใครจะมาแข่งกับเรา

ซึ่งข่าวนี้ปรากฏไปทั่วในสื่อต่างๆ ลองไปค้นอ่านย้อนหลังกันได้

และมาเมื่อวันก่อน ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันอีกครั้ง เมื่อ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ คีย์แมนโอลิมปิกไทย ระบุว่า มีการเรียกหัวหน้าผู้ฝึกสอนมาสอบถาม ก็ได้รับการยืนยันว่ามีการแบ่งเหรียญจริง ซึ่งถือเป็นเรื่องเสื่อมเสีย และจะได้เสนอประธานโอลิมปิก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้พิจารณาโทษ ในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกครั้งต่อไป

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเสียหายอย่างยิ่ง ถือเป็นการบ่อนทำลาย ไม่เฉพาะกีฬาไทย แต่ยังเป็นการสมรู้ร่วมคิด โยงใยในลักษณะองค์กรข้ามชาติ เพื่อล็อกผล สร้างผลงาน อันมีจุดประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์อย่างชัดเจน

เสียหายทั้งสหพันธ์ซีเกมส์ และสร้างความมัวหมองต่อกีฬามวยไทย กีฬาที่เราถูกสร้างฝันให้เคลิบเคลิ้มไปกับเป้าหมายของการแข่งในโอลิมปิกเกมส์ จนอาจจะละเลย หรือมองข้ามหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นจริง!

เป็นจริงทั้งในแง่ของกฎระเบียบ และโอกาสจริงๆ

เป็นจริงถึงการได้มาซึ่งประโยชน์ จากการใส่ความคิด ยัดเยียดความฝันอันหอมหวาน

และนี่ก็สะท้อนในความเป็นจริงของรูปแบบ การปรุงแต่ง สร้างภาพ ด้วยความไม่สุจริต อันมีการสั่งการโดยเจตนา

เราจะภาคภูมิใจกันเหรอ หากมวยไทยเกิดปาฏิหาริย์ได้มีแข่งในโอลิมปิก ก็ด้วยการใช้วิธีอันสกปรกเช่นนี้ เป็นแรงขับเคลื่อน

ยิ่งชี้ให้เห็นถึงความละม้ายคล้ายคลึงกับมวยสากลสมัครเล่นที่มีปัญหา กับการแบ่งเหรียญ ล็อกผล อันเป็นความแปดเปื้อนของ “ไอบา” ที่ยังสลัดไม่ออก

และยิ่งสะท้อนภาพความคลุมเครือ เคลือบแคลง ว่า จะมีใครฝันอยากเป็นไอบา ในมวยไทยกันหรือไม่

เรื่องฉาวของมวยไทยครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกับการล็อกผลฟุตบอล เป็นการทุจริต ประพฤติมิชอบอีกรูปแบบหนึ่ง

ต้องรอดูการพิจารณาโทษ และรอดูความเด็ดขาดของประธานโอลิมปิกไทย ที่ใส่หมวกหลายใบ มีหลายสถานะอยู่ในคนคนเดียวกัน เป็นถึงผู้กำกับดูแลให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม และขจัดความไม่ถูกต้องในหลายๆหน่วยงาน ซึ่งการตัดสินใจของท่านออกมาเป็นประการใด

ซึ่งมันจะสะท้อนตัวตนของคนชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

กับเรื่องอันไม่สุจริตเช่นนี้...

“เบี้ยหงาย”