ไทยรัฐฉบับพิมพ์
เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์ ศึก มอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2024 “โมโตจีพี” จะเปิดฉากขึ้นสนามแรกในรายการ “กาตาร์ กรังด์ปรีซ์” ที่ลูซาอิล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 8–10 มีนาคมนี้
สำหรับปี 2024 ตอนแรกมีการแข่งขันทั้งหมด 22 สนาม แต่ก็ต้องหายไป 1 สนาม เนื่องจากรายการ “อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์” ที่สนามแกรน พรีโม เดลา รีพับบลิกา ประเทศอาร์เจนตินา ไม่พร้อมที่จะจัดการแข่งขัน ทำให้เหลือ 21 สนามเท่านั้น
เมื่อกวาดตามองส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นสนามเดิมๆ เกือบแทบทั้งหมด มีเพียงแค่สนามโซกุล อินเตอร์เนชั่นแนล ในรายการ “คาซัคสถาน กรังด์ปรีซ์” เท่านั้นที่เป็นสนามใหม่ที่จะแข่งขันในปีนี้เป็นปีแรก หลังจากสนามแห่งนี้เจอโรค เลื่อนมาจากซีซันที่แล้ว
ด้านศึก “ไทย กรังด์ปรีซ์” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ก็ยังคงอยู่ในโปรแกรมการแข่งขันเหมือนเดิม โดยในปี 2024 จะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.นี้
โดยในปี 2023 “ไทย กรังด์ปรีซ์” มียอดผู้ชม เข้าสนามชมเป็นอันดับ 6 จาก 20 สนาม ที่จำนวน 179,811 คน มากกว่าปี 2022 อยู่ 1,348 คนด้วยกัน โดยสนามแชมป์ที่มีคนดูมากสุดก็คือ “เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์” ที่สนามเลอมังส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ที่มียอดผู้ชมรวม 278,805 คน
ปีนี้ก็เชิญชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยตั้งแต่เนิ่นๆให้ไปร่วมชมการแข่งขันระดับโลกกันได้เต็มสนามเพื่อที่จะทำอันดับผู้ชมให้เขยิบขึ้นไปติดท็อปไฟว์ให้ได้
ขยับมาดูความเคลื่อนไหวของบรรดานักขับและทีมต่างๆบ้าง โดยในรุ่นใหญ่ หรือรุ่นโมโต จีพี หลายฝ่ายจับตามองไปที่ราฟาเอล มาร์เกซ นักบิด ชาวกระทิงดุ อดีตแชมป์โลก 6 สมัยที่ย้ายค่ายจาก เรปโซล ฮอนด้า ไปอยู่กับเกรสซินี เรซซิ่ง ว่าจะกลับคืนฟอร์มสมฉายา “ไอ้เด็กระเบิด” ได้หรือไม่
แต่ก็ไม่ง่ายเมื่อฟรานเชสโก บันญายา นักบิด ชาวอิตาเลียนของดูคาติ เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัย ล่าสุดก็ยังไม่มีทีท่าว่าความร้อนแรงจะหยุดลงเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวของบันญายา หรือรถอย่างดูคาติ ที่ไม่น่าจะมีใครหยุดได้ง่ายๆ
เช่นเดียวกับตัวสอดแทรกมีลุ้นแชมป์อย่าง เอเนีย บาสเตียนนินี เพื่อนร่วมทีมของบันญายา หรือ ฆอร์เก มาร์ติน นัดบิดชาวกระทิงดุ เจ้าของอันดับ 2 เมื่อซีซันที่แล้ว ที่พร้อมที่จะบู๊เพื่อคว้าแชมป์โลกมาครอง
ดูแล้วงานไม่ง่ายที่มาร์เกซจะกลับมายิ่งใหญ่ ได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้เพราะจากผลการทดสอบนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้ว่าจะต้องปรับตัวกับรถใหม่แต่ก็ยังทำความเร็วเข้ามาเป็นอันดับ 4 เลยทีเดียว ก็ไม่ธรรมดา จะประมาทเจ้าของแชมป์โลก 6 สมัยไม่ได้เลย
ขณะที่ในรุ่นโมโต ทู ยังมีนักแข่งขวัญใจชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” หมายเลข 35 สังกัดอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ร่วมลงแข่งขันเต็มฤดูกาลเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ซึ่งในปีที่แล้ว สมเกียรติสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถคว้าแชมป์รายการ “เจแปนีส กรังด์ปรีซ์” มาครอง พร้อมซิวได้อีกหนึ่งโพเดียมด้วยการคว้าอันดับ 3 ในศึกโฮมเรซ “ไทย กรังด์ปรีซ์” มาครอง และจบฤดูกาลคว้าอันดับ 6 ของโลกมาครอง เก็บได้มากถึง 173.5 คะแนนด้วยกัน
มาในปีนี้ สมเกียรติที่เก็บประสบการณ์มาตลอด 5 ปี จนสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็ได้ตั้งเป้าท้าทายลิมิตของตัวเองด้วยการจะจบท็อปทรีบนตารางแชมเปียนชิปให้ได้
นอกจากเป้าหมายของ “ก้อง” แล้ว ทาง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ก็ได้พร้อมที่จะผลักดัน นักบิดชาวไทยจากชลบุรีให้ไปถึงเป้าหมายของตัวเอง ให้ได้ด้วยการดึงตัวของอัลเบร์โต ล็อตติ หัวหน้าช่างของเปโดร อคอสตา แชมป์โลก โมโต ทู คนล่าสุด เข้ามาสู่ทีมเพื่อช่วยปรับจูนรถให้สมเกียรติเดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้
ซึ่งทางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ที่บรรดานักแข่งเรียกว่า “แม่จุ๊” ก็ได้เผยถึงความเคลื่อนไหวของสมเกียรติ ว่า “ตอนนี้ “ก้อง” สมเกียรติ กำลังทำงานอย่างหนักกับทางอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และทุกอย่างไปในทางที่ดีหลังจากที่ทีมได้ดึง หัวหน้าช่างคนใหม่เข้ามา โดยตอนนี้ทั้งนักแข่งและทีมช่างก็ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะให้ทุกอย่างลงตัวก่อนจะเปิดฉากในซีซันใหม่ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้านี้ เชื่อว่าปีนี้เราจะได้เห็นสมเกียรติสร้างผลงาน ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
นอกจากในรุ่นโมโต ทู แล้ว ปีนี้ทาง “ไทยฮอนด้า” ได้ส่ง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี อีกหนึ่งนักบิด จากโครงการ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ลงทำการแข่งขันในรุ่นโมโต ทรี แบบเต็มฤดูกาลเป็นปีแรก หลังจากปีที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ทดลองชิมลางในรุ่นนี้ไปทั้งหมด 4 สนาม
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักแข่งไทยที่น่าจับตามองและให้กำลังใจกัน แม้ว่า “ก๊องส์” อาจจะต้องใช้ เวลาปรับตัวกับรถและสนามต่างๆอีกพอสมควร แต่เจ้าตัวเคยฝากผลงานเอาไว้ในศึกเรด บูลล์ รุกกีส์ คัพ และจูเนียร์ จีพี มาบ้างแล้วก็ไม่ใช่มือใหม่ที่จะให้คู่ต่อสู้เคี้ยวง่ายๆ
เรียกได้ว่าศึกโมโต จีพี 2024 น่าจะเดือดทั้ง 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่นใหญ่ กลาง และเล็ก เลยทีเดียว ยังไง ก็ตาม ต้องช่วยกันเชียร์นักแข่งไทยทั้งสองคนทั้ง สมเกียรติ จันทรา และธัชกร บัวศรี ให้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในปีนี้
โดยเฉพาะ “ก้อง” สมเกียรติ ที่สร้างผลงาน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้เชื่อว่าเจ้าตัวจะนำประสบการณ์จาก 2 ปีล่าสุด มาหลอมรวมกันเพื่อไล่ล่าตำแหน่งแชมป์และโพเดียมในปี 2024 ให้ได้มากที่สุดเพื่อเป้าหมายท็อปทรีของตัวเอง
และเป้าหมายที่มากไปกว่านั้นของ “ก้อง” คือการทำผลงานเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปขับในรุ่นโมโต จีพี ในปี 2025 ให้ได้ตามความฝันของตัวเองถ้าย้อนกลับไป 6-7 ปีที่แล้ว บอกได้เลยว่ามันคงเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่สมเกียรติแสดงให้เห็นตลอด 2-3 ปีล่าสุด
บอกได้เลยว่าตอนนี้นักบิดวัย 25 ปีได้เดินใกล้ฝันของตัวเองเต็มที ผลงานของปี 2024 จะพิสูจน์ว่า “ก้อง” จะทำตามความฝันได้หรือไม่!!
ชานนท์ กล่ำดิษฐ์ ...เรื่อง