ถึงเวลาเก็บเกี่ยว

ช่วงนี้หลายคนกำลังปลื้มกับ ความสำเร็จของ “เจ้าก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย หลังคว้าโพเดียม อันดับ 3 ในรุ่น “โมโตทู” ของศึก “โมโตจีพี” ที่สนามช้างเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลก ต้องขอบคุณ “ไทยฮอนด้า” ที่ปลุกปั้นสร้างนักแข่งฝีมือดีตั้งแต่ยังเป็นเมล็ด จนผลิดอกออกผลเก็บเกี่ยวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยเฉพาะบอสใหญ่ “ดร.อารักษ์ พรประภา” หัวเรือใหญ่ที่เฝ้าประคบประหงมนักแข่งยิ่งกว่าไข่ในหินจนเติบโตมีคุณภาพคับแก้วและถือเป็นผลผลิตที่งดงามอย่างล้ำค่า

แต่ก็ใช่จะมีแค่เพียงค่ายฮอนด้าเท่านั้นที่พยายามสร้างนักบิดขึ้นมา แต่ยังมี “ยามาฮ่า” ที่เพียรพยายามสร้างนักบิดหลายคนออกมาสู่สังเวียนในเป้าหมายเดียวกันคือ “สร้างความสำเร็จและชื่อเสียงสู่ประเทศชาติ”

นี่แหละครับที่บอกว่า “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว” เช่นเดียวกับความสำเร็จของวงการ-เปค” กฤษดา ธนโชติ หมายเลข 22 ก็ถือว่าทำผลงานได้ดีทีเดียว

สำหรับเจ้าก้องในฤดูกาลนี้ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 สนามเริ่มจากวันที่ 10-12 พ.ย. ที่เซปัง มาเลเซีย ต่อด้วยวันที่ 17-19 พ.ย. ที่กาตาร์ และปิดท้าย 24-26 พ.ย. เมืองบาเลนเซีย สเปน ส่งกำลังใจเชียร์ให้เจ้าก้องให้คว้าโพเดียมในสนามที่เหลือเพื่อลุ้นติดท็อป 1-3 เมื่อจบฤดูกาล

เหนือสิ่งอื่นใดจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ “เจ้าก้อง” ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยด้วยการเป็น “คนไทยคนแรก” ที่ก้าวขึ้นโพเดียม “โฮม กรังด์ปรีซ์”

อีกเรื่องที่ถือเป็นผลพลอยได้คือเศรษฐกิจในจังหวัดบุรีรัมย์รวมถึงของประเทศมีจำนวนเม็ดเงินหมุนเวียนในช่วงที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้ง 3 วัน หลายร้อยล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะก่อให้เกิดรายได้และสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น

ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องดีในการเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลกแบบนี้.

โจโจ้

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม