หน้าแรกแกลเลอรี่

"มาร์เกซ" ทวงบัลลังก์ "ก้อง-สมเกียรติ" เป้า 1 ใน 5 โมโตทู

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

19 มี.ค. 2566 05:49 น.

เหลืออีกเพียงแค่ไม่ถึงสัปดาห์ดี การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ประจำปี 2023 หรือ “โมโตจีพี 2023” ก็จะกลับมาวาดลวดลายลงทำการแข่งขันอีกครั้งหลังจากปิดฤดูกาลไปนานกว่า 3 เดือนด้วยกัน

สำหรับในปีนี้จะทำการแข่งขันกันมากถึง 21 สนามด้วยกัน โดยสนามแรกจะดวลกันในรายการ “โปรตุเกส กรังด์ปรีซ์” ที่สนามอัลการ์ฟ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เมืองปอร์ติเมา ประเทศโปรตุเกสระหว่างวันที่ 24-26 มี.ค.นี้

ในรุ่นไฮไลต์หรือรุ่นโมโตจีพี ในปีที่ผ่านมาแชมป์ตกเป็นของฟรานเชสโก บันยาญา นักบิดชาวอิตาเลียนของทีมดูคาติ ที่ผงาดคว้าแชมป์โลกไปครอง ตามมาด้วยฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดชาวฝรั่งเศสจากมอนสเตอร์ เอเนอร์จี ยามาฮ่า และเอเนีย บาสเตียนินี ชาวอิตาเลียนจากเกรสซินี เรซซิ่ง ที่เข้าป้ายอันดับ 2 และ 3 บนตารางแชมเปียนชิป

เรียกได้ว่าทั้ง 3 นั้นยังคงเป็นตัวเต็งในการแย่งแชมป์ในปี 2023 เหมือนเดิม แต่ทั้ง 3 หรือรวมถึงนักขับคนอื่นๆก็ต้องระวังหลังเอาไว้ให้ดี เพราะในซีซันนี้เจ้าของแชมป์โลก 6 สมัย อย่างมาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดเลือดกระทิงจากเรปโซล ฮอนด้า กลับมาฟิตเต็มถังอีกครั้งหลังจากตลอด 3 ปีที่ผ่านมาต้องทนทุกข์กับอาการบาดเจ็บมาตลอด

มาร์เกซได้รับบาดเจ็บแขนขวาเรื้อรังนับตั้งแต่ปี 2020 หลังจากได้รับบาดเจ็บแขนหักจากการล้ม และได้เข้ารับการผ่าตัดรอบแรกผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ถัดจากนั้นมาไม่นาน ทำให้เจ้าตัวต้องเข้ารับผ่าตัดรอบสองเนื่องจากแผ่นเพลทไททาเนียนที่ดามแขนเอาไว้ได้รับการเสียหาย ทำให้ในซีซันดังกล่าวนั้นเจ้าของฉายา “เด็กระเบิด” ต้องพักยาวไม่ได้ลงทำการแข่งขันเลย

ส่วนในปี 2021 จะกลับมาคว้าแชมป์ได้ถึง 3 สนาม แต่มาร์เกซก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่าๆ กลับมาได้ แถมยังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเดิมๆ เป็นระยะ เช่นเดียวกับในปี 2022 ที่เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถสลัดอาการบาดเจ็บแบบหายเป็นปลิดทิ้งได้จึงลงแข่งได้เพียงแค่ 12 สนาม และคว้ามาได้ 1 โพเดียมเท่านั้น

แต่มาในปี 2023 ตอนนี้มาร์เกซสภาพร่างกายจะฟิตสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ขณะที่รถแข่งขันก็พร้อมเช่นกัน ทำให้เจ้าของฉายา “เด็กระเบิด” จะอาศัยประสบการณ์ของตัวเองที่มีอยู่พาเรปโซล ฮอนด้า ทวงบัลลังก์แชมป์โลกกลับมาครองให้ได้อีกครั้ง

นอกจากในรุ่นใหญ่แล้วในรุ่นที่เดือดไม่แพ้กันก็คือในรุ่น โมโตทู ที่มีนักบิดชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดวัย 24 ปี จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เจ้าของหมายเลข 35 สังกัดอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ลงทำการแข่งขันเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

ในปี 2022 “ก้อง” สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ หลังจากผงาดคว้าแชมป์ “อินโดนิเซียน กรังด์ปรีซ์” มาครองได้สำเร็จ นอกจากนั้นนักบิดชาวไทยยังคว้าโพเดียมมาครองได้อีกถึง 3 รายการ ไม่ว่าจะเป็นอันดับ 2 รายการ “อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์” ที่อาร์เจนตินาและ “ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์” ที่ออสเตรีย, อันดับ 3 รายการ “เฟรนช์กรังด์ปรีซ์” ที่ฝรั่งเศส

นอกจากจะคว้าแชมป์และคว้าโพเดียมมาครองแล้วในสนามต่างๆที่ “สมเกียรติ” ลงทำการแข่งขันถ้าไม่ล้มไปก่อนจะมีแต้มติดมือได้ทุกสนาม จนทำให้เจ้าตัวเก็บได้มากถึง 128 คะแนน คว้าอันดับ 10 บนตารางแชมเปียนชิปของรุ่น

ถ้าย้อนกลับไปดูในปี 2021 “ก้อง” เก็บได้เพียงแค่ 37 คะแนนเท่านั้น และรั้งอันดับ 18 ของตารางแชมเปียนชิป เรียกได้ว่าเพียงแค่ปีเดียวนักบิดจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ทำผลงานได้ก้าวกระโดดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

จากผลงานในปี 2022 ทำให้ช่วงกลางซีซันมีข่าวออกมาว่าทั้ง “ก้อง” สมเกียรติ และไอ โอกูระ นักบิดชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย นั้นจะมี 1 คนที่มีโอกาสจะก้าวขึ้นมาขับในรุ่นโมโตจีพี หากมีสลอตนักแข่งว่าง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้นเพราะที่นั่งในรุ่นใหญ่นั้นยังเต็ม

ในปี 2023 จึงทำให้สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะสร้างผลงานให้ยอดเยี่ยมมากกว่าในปีที่ผ่านมา เจ้าตัวตั้งเป้าจะติดท็อปไฟว์บนตารางแชมเปียนชิปให้ได้ เช่นเดียวกับการคว้าแชมป์และคว้าโพเดียมที่ “สมเกียรติ” หวังว่าจะทำให้ได้มากขึ้นไปกว่าในปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้น “ก้อง” สมเกียรติ ยังเผยว่า ได้นำข้อผิดพลาดจากการล้มทุกครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้วมานั่งวิเคราะห์เพื่อหาจุดแก้ไขจนทำให้ตัวเองค่อนข้างมั่นใจมากในการแข่งขันปีนี้ก็แอบหวังว่าจะแข่งขันให้จบครบทั้ง 21 สนาม และมีแต้มติดมือทุกสนามเช่นกัน

เชื่อว่าประสบการณ์จาก 4 ปีที่ผ่านมาจะเสริมสร้างให้เจ้าของฉายา “คิงคองก้อง” ให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม แถมประสบการณ์การเป็นแชมป์ก็จะทำให้สมเกียรติสู้กับบรรดานักแข่งระดับท็อปของโมโตทู ได้อย่างสนุกมากขึ้นกว่าเดิม

และเท่านั้นยังไม่พอ “ก้อง” ทุ่มเททุกอย่างให้เต็มที่ในทุกสนามที่ลงทำการแข่งขัน เพราะหากทำผลงานได้ดีจนเตะตาบรรดาทีมจากโมโตจีพี ที่มักจะคอยจับตามองบรรดานักขับฝีมือดีเพื่อดึงตัวเข้ามาเสริมทัพเพื่อสู้ศึกในปีถัดไป

ดีไม่ดีในปีถัดไปอาจจะเห็นนักบิดไทยคนแรกในศึกโมโตจีพีก็เป็นได้!!

ชานนท์ กล่ำดิษฐ์...เรื่อง