ซูม
อย่างที่ผมเคยเขียนบ่นๆ เอาไว้เมื่อวันเขียนถึงเพลง “ผู้หญิงหัวใจอีสาน” ของ “ต่าย-อรทัย” ว่าในช่วงที่เรากำลังทุกข์ใจ เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดของรัฐบาล รวมทั้งความสับสนต่างๆทางการเมือง ซึ่งรังแต่จะทำให้เศรษฐกิจของเราแย่ลงไปอีกนั้น ควรจะต้องหา “วิตามิน” แบบเพลงของต่าย-อรทัยมาปลอบใจไว้บ้าง
“วิตามิน” สำหรับคนอีสานก็คือ “เสียงพิณเสียงแคนเสียงหมอลำ” ดังที่เพลงร้องไว้ ส่วนสำหรับภาคอื่นๆก็เลือกเอา หนังตะลุง, โนราห์, เพลงฉ่อย หรือลิเก ฯลฯ ตามความถนัดของแต่ละภาค
สำหรับผมนอกจากเสียงเพลงแล้ว ยังเลือกเอา “กีฬา” มาเป็น “วิตามิน” แก้ความทุกข์ของผมด้วย...โดยจะติดตามเชียร์กีฬาต่างๆ ที่นักกีฬาไทยเราไปแข่งขัน เชียร์ให้พวกเขาหรือเธอชนะ จากนั้นก็เอาชัยชนะมาเป็น “วิตามิน” แก้ความเศร้าอันเกิดมาจากพิษเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
อีกไม่กี่วันจะมีกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 33 หรือ “ปารีสโอลิมปิก” แล้วนะครับ มีนักกีฬาไทยเราไปแข่งถึง 51 คน ใน 17 ชนิดกีฬา...จะมีใครสามารถคว้า “เหรียญ” มาเป็น “วิตามิน” บำบัดทุกข์บำรุงสุขของเราได้บ้าง อย่าลืมตามลุ้นตามเชียร์ด้วย
ระหว่างที่รอการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอยู่นั้น ปรากฏว่าเมื่อดึกๆประมาณตี 2 ตี 3 ของคืน “วันเข้าพรรษา” วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นักกีฬากอล์ฟสาวไทยเราคนหนึ่งก็สามารถหยิบ “วิตามิน” กระปุกใหญ่มาฝากพวกเราชาวไทยหนึ่งกระปุก
เมื่อ “น้องพราว” หรือ ชเนตตี วรรณแสน ที่เป็น “สาวเจียงใหม่” วัยแค่ 20 ปีกับไม่กี่เดือน สามารถคว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพของสหรัฐอเมริกา หรือ LPGA รายการ DANA OPEN ที่ รัฐโอไฮโอ มาครองได้สำเร็จ
นับเป็นการคว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพรายการใหญ่ระดับโลกได้เป็นครั้งที่ 2 แล้วสำหรับนักกอล์ฟสาวขวัญใจชาวไทยคนใหม่คนนี้ หลังจากลงเล่นกอล์ฟอาชีพมาได้แค่ 3 ปีกว่าเท่านั้น
สำหรับรายการนี้ “โปรพราว” ขึ้นนำโปรสาวจากเกาหลีใต้ แฮรัน ริว วัย 22 ปี ที่ก็เป็นน้องใหม่มาแรงเช่นกัน เมื่อจบการแข่งขันวันที่ 3 อยู่ที่ -16 กับ -13 หรือนำอยู่ 3 สโตรก
ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาเชียร์ในกลางดึกของคืนวันเข้าพรรษา เพราะกีฬากอล์ฟมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะนำเขาได้เยอะขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่การันตีว่าจะได้แชมป์ เพราะยังเหลือการแข่งขันอีก 1 วัน อีก 18 หลุม ซึ่งไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งก็เป็นไปดังที่คาดไว้ กว่าสาวน้อยจากเชียงใหม่ของเราจะเอาชนะเกาหลีใต้ได้ก็ต้องใช้ฝีมือใช้ความสามารถใช้ความอดทนและหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งจากหลุมแรกถึงหลุมสุดท้าย
จากที่นำถึง 3 แต้มก่อนแข่ง เราเหลือนำแค่แต้มเดียวคือ -19 ต่อ -18 ก่อนขึ้นหลุมสุดท้าย...ดังนั้น หากเล่นพลาดหลุมสุดท้ายก็อาจเป็นไปได้ ที่เราจะแพ้เขาทันที หรือเสมอกับเขา อันเป็นเหตุให้ต้องมีการเล่น “เพลย์ออฟ” แบบดวลตัวต่อตัว หลุมต่อหลุม จนกว่าจะมีใคร คนใดคนหนึ่งชนะ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงเหลือเกิน
ทำอย่างไร...เราจึงจะชนะหลุมท้าย เพื่อให้ชนะขาดลอย หรือยันเสมอให้ได้ เพื่อเราจะยังเป็นฝ่ายนำ 1 สโตรกอยู่ และชนะด้วยสกอร์นี้?
ปรากฏว่าหลุมสุดท้ายด้วยระยะที่ไกลประมาณ 10 ฟุต และต้อง พัตต์ลงเนิน น้องชเนตตีสามารถพัตต์ลงทำเบอร์ดี้ได้อย่างมหัศจรรย์ ทำให้จบลงแบบเสมอกัน ต่างคนต่างได้เบอร์ดี้
ส่งผลให้น้องชนะเด็ดขาดด้วยสกอร์-20 ส่วน แฮรัน ริว จบที่ -19 ได้เพียงที่ 2...ถ้วยรางวัลและเงินรางวัล 262,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9 ล้าน 5 แสนบาท จึงตกเป็นของสาวไทยของเรา
ขณะเดียวกัน ณ สกอร์บอร์ดแจ้งผลการแข่งขันที่สรุปว่าผู้ชนะได้แก่ ชเนตตี วรรณแสน นั้นจะมี ธงไตรรงค์ ประดับอยู่หน้าชื่อเธอเห็นโดดเด่นไปทั่วโลก
ผมรู้สึกว่าคุ้มมากที่ตื่นตอนดึกมาดูกอล์ฟรายการนี้ และได้ “วิตามิน” กระปุกใหญ่มาปลอบประโลมความทุกข์ให้มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง ดังที่เกริ่นไว้ตอนต้น
ขอบคุณ “น้องพราว” และขอบคุณล่วงหน้าไปถึงนักกีฬาโอลิมปิกไทย ที่จะลงแข่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย...อย่าลืม หยิบเหรียญมาฝากคนไทยเยอะๆนะครับ...ยิ่งเยอะยิ่งดีเพราะช่วงนี้ทุกข์หนักมาก วิตามินกระปุกเดียวจากน้องพราวไม่พอแน่นอนครับ.
“ซูม”