ไทยรัฐออนไลน์
ชาติชั้นนำตอบรับให้นักกีฬายอดฝีมือเดินทางมาแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ที่ประเทศไทย ตลอดเดือนมกราคมปีหน้า มั่นใจในระบบป้องกันโควิด-19
วันที่ 9 ธ.ค. 63 ความเคลื่อนไหวสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ที่ได้รับความไว้วางใจจาก สหพันธ์แบดมินตันโลก ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ถึง 3 รายการติดต่อกันในระยะเวลา 3 สัปดาห์ของเดือนมกราคมปีหน้า ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในรอบ 110 ปี ของเวทีขนไก่โลก
เริ่มด้วยศึก "โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (30.3 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 12 - 17 มกราคม 2564 ต่อด้วยรายการ "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (30.3 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 19 - 24 มกราคม 2564 และรายการส่งท้ายปีกับรายการ "เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอล 2020” ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม 2564 ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (45.5 ล้านบาท)
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ภายหลังจากสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้สอบถามถึงความพร้อมในการส่งนักกีฬาของชาติต่างๆ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันใน 3 รายการประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ปรากฏว่า สมาคมกีฬาแบดมินตันทั่วโลกให้การตอบรับเป็นอย่างดี ที่จะให้นักกีฬายอดฝีมือของตนเองเดินทางมาทำศึกแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ที่ประเทศไทย ตลอดเดือนมกราคมปีหน้า ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพความเป็นมืออาชีพของไทย พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงมั่นใจในระบบการป้องกันโควิด-19 ที่วางไว้อย่างเข้มงวด
“ชาติต่างๆ ล้วนให้ความเชื่อมั่นในการเป็นเจ้าภาพของไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิง สมาคมกีฬาแบดมินตันจีน ที่ได้มีการสื่อสารตอบกลับมาว่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับสมาคมกีฬาแบดมินตันไทย พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากประเทศไทย มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้กีฬาแบดมินตันได้กลับมารีสตาร์ต เร่ิมแข่งขันภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้อีกครั้ง” คุณหญิงปัทมา กล่าว
นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวต่อว่า การแข่งขันครั้งนี้ แฟนๆ แบดมินตันชาวไทยรวมถึงแฟนๆ กีฬาแบดมินตันจากทั่วโลกจะได้ชมผลงานของยอดนักแบดมินตันระดับโลก นำโดย เคนโตะ โมโมตะ ชายเดี่ยวมือ 1 ของโลกจากญี่ปุ่น, โจว เทียนเฉิน มือ 2 ของโลกจากไต้หวัน, อันเดรียส แอนทอนเซน กับ วิคเตอร์ อเซลเซน มือ 3 และ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก, เฉิน หลง มือ 5 ของโลกจากจีน และ แอนโทนี ซินนิซูกา กินติง มือ 7 ของโลกจากอินโดนีเซีย
ส่วนนักกีฬาหญิง นำมาโดย ไถ้ ซื่อหยิง หญิงเดี่ยวมือ 1 ของโลกจากไต้หวัน, เฉิน ยู่เฟย มือ 2 ของโลกจากจีน, อกาเนะ ยามากูชิ มือ 3 ของโลกจากญี่ปุ่น, โนโซมิ โอกุฮาระ มือ 4 ของโลก ดีกรีแชมป์โลกปี 2017 จากญี่ปุ่น และ คาโรลินา มาริน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2016 และแชมป์โลก 3 สมัยจากสเปน
ประเภทคู่ แฟนๆ จะได้ชมฝีมือของ กิเดียน มาร์คัส เฟอร์นัลดี กับ เควิน ซันจายา ซูคัลโมโจ ชายคู่มือ 1 ของโลกจากอินโดนีเซีย, โมฮาเหม็ด อาห์ซาน กับ เฮนดรา เซเทียวาน ดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย จากอินโดนีเซีย, มายุ มัตสึโมโตะ กับ วากานะ นากาฮาระ หญิงคู่แชมป์โลก 2 สมัย จากญี่ปุ่น, เฉิน ชิ่ง เฉิน กับ เจีย อี้ ฟาน แชมป์โลกหญิงคู่ปี 2017 จากจีน, ยูกิ ฟุกุชิมะ กับ ซายากะ ฮิโรตะ หญิงคู่มือ 2 ของโลกจากญี่ปุ่น รวมถึง เจิ้ง ซื่อเว่ย กับ หวง ย่าเฉียง คู่ผสมมือ 1 ของโลกจากจีน
ขณะที่นักแบดมินตันไทยซึ่งมีอันดับโลก ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน นำโดย "เมย์" รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวมือ 5 ของโลก, "กัน" กันตภณ หวังเจริญ ชายเดี่ยวมือ 15 ของโลก, "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมือ 3 ของโลก,
"กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ หญิงคู่มือ 11 ของโลก, "ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ หญิงเดี่ยวมือ 12 ของโลก, "หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ หญิงเดี่ยวมือ 13 ของโลก, "โอ๊ต" สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ ชายเดี่ยวมือ 25 ของโลก และ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย
คุณหญิงปัทมา กล่าวในตอนท้ายว่า "ขอขอบพระคุณ รัฐบาลไทย กระทรวงสาธารณสุข สำหรับมาตรการที่เข้มงวดสูงสุดในการควบคุมการแพร่ระบาด และดูแลสุขภาพของนักกีฬาและผู้ติดตาม รวมถึงทีมงานชาวไทย และทุกภาคส่วนในบับเบิล ควอรันทีน (Bubble Quarantine) ให้ปราศจากความเสี่ยง และสร้างความมั่นใจให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่"
"นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่จะปรากฏในประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่น แก่องค์กรกีฬาระดับโลกในการพิจารณาประเทศไทย" สำหรับการสมัครแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก และรายการแข่งขันกีฬาอื่นๆ ในระดับชิงแชมป์โลก เพราะการแข่งขันในเดือนมกราคมปีหน้า ได้บอกถึงทักษะและความสามารถโดดเด่นที่สุดที่ไม่มีประเทศใดทำได้ ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของโลกในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก"