พาวเวอร์บอมบ์
ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้อยู่ “มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ 2022” ยังเหลือการชิงชัยกันอีกใน 2 วัน สุดท้าย “เจ้าภาพ” จีน ครองความเป็นเจ้าเหรียญทองไปก่อนหน้าหลายวันแล้ว เพราะพวกเขาโกยเหรียญกันเป็นว่าเล่น
แต่สำหรับทัพกีฬาไทยที่ตั้งเป้าเอาไว้ 15 เหรียญทองนั้น
บทสรุปคงไปไม่ถึงแน่!
ใครที่ติดตาม “หางโจวเกมส์” อย่างใกล้ชิด คงจะทราบกันเป็นอย่างดีว่า ตอนเริ่มต้นเราทำท่าจะไปได้สวย
เมื่อเปิดหัวเหรียญทองได้ชนิดน่าตื่นตาตื่นใจสมราคาดีกรีแชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกของ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง ด้วยการเอาชนะจอมเตะเจ้าภาพแบบสุดดราม่าในรอบชิงชนะเลิศ และต่อด้วย “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง ในเทควันโด รุ่น 63 กก.ชาย
แถมทีมกอล์ฟหญิง, อีสปอร์ต, เรือใบ, ตะกร้อ ประเภททีมก็ยังช่วยกันซิวเหรียญทองมาได้ติดๆกัน
ทว่าหลังจากนั้น!!! ทัพไทยเริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าจะได้เหรียญรางวัลกันมาต่อเนื่องทุกวัน แต่มันก็ไม่ถึงทอง
สำหรับผมแล้วกีฬามวยสากล ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากที่สุด
ตั้งแต่เล็กจนโต “มวยสากล” เป็นตัวชูโรงสร้างชื่อเสียงให้ชาติในมหกรรมกีฬาใหญ่ๆของโลกมาแทบทุกครั้ง รวมถึง “โอลิมปิกเกมส์” ด้วย
แต่ในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ เราส่งนักชกขึ้น สังเวียนทั้งหมด 13 รุ่น ได้มาแค่ 3 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง ต้องถือว่าน่าใจหาย
หลายคนมองในแง่ดีว่า แม้เราจะไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็สามารถคว้าโควตาไปโอลิมปิก “ปารีสเกมส์” ได้ถึง 4 คน ซึ่งตรงนี้ก็เห็นด้วยว่าโชค (ยัง) ดี
แต่ถ้าคิดในอีกมุม ขนาดกีฬาระดับทวีปทำไม่ได้ แล้วไปเจอระดับโลกมันจะไหวหรือ?
ผมเองไม่ได้มีอคติใดใด และอยากจะขอชื่นชมนักกีฬาที่ต่อสู้ทำงานกันอย่างหนักด้วยซ้ำ
เพียงแค่คิดว่าสมาคมกีฬามวยสากลฯ คงต้องเร่งหาทางพัฒนานักชกของเราให้มีศักยภาพดีขึ้นมากกว่านี้ มิเช่นนั้นจะไม่ทันกาล
ถึงตอนนี้ผมที่กำลังจะเสร็จสิ้นภารกิจอันยาวนานในหางโจวเกมส์ และกำลังจะได้กลับบ้านกินผัดกะเพรา ยังดีใจได้ไม่สุด
ก็เพราะไอ้คำว่ากำปั้นไทยหมดท่าไร้เหรียญทองนี่แหละ
มันยังฝังหัวอยู่.
พาวเวอร์บอมบ์
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่