หน้าแรกแกลเลอรี่

ยอดนักบิดไทย

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

25 ธ.ค. 2565 05:06 น.

ไม่บ่อยครั้งที่จะได้เห็นนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตจาก “อาเซียน” ฝ่าเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคจนทะยานขึ้นไปสู่ระดับ “เวิลด์คลาส” ได้

ในฤดูกาล 2022 ได้เกิดหนึ่งปรากฏการณ์ใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตอาเซียน เมื่อนักบิดไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา กลายเป็นชื่อที่ถูกยกมาเป็นข่าวบ่อยครั้งในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี รุ่นโมโตทู

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เติบโตภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ผลักดันอย่างเต็มกำลังโดย “ไทยฮอนด้า” ซึ่งมีเป้าหมายในการผลักดันนักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของโลกอย่าง โมโตจีพีให้ได้ในปี 2025

นักบิดจากชลบุรีเข้าสู่ในปีที่ 4 กับการแข่งขัน โมโตทู ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในกลุ่มกลางและยังไม่โดดเด่น โดยในปี 2019 เก็บมาได้ 23 คะแนน ก่อนจะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานในปี 2020 ทำให้เก็บมาได้เพียง 10 คะแนน โดยในปี 2021 เก็บมาได้ 37 คะแนน ซึ่งถือเป็นผลงานดีที่สุดใน 3 ปีแรก

ฤดูกาล 2022 “สมเกียรติ” พลิกโฉมให้วงการและสร้างผลงานในสนามของตัวเองแบบก้าวกระโดด ด้วยการผลักดันตัวเองขึ้นไปสู่ระดับท็อปของโมโตทูชิงแชมป์โลกได้อย่างโดดเด่น ปลดล็อกคว้าชัยชนะครั้งแรกของตนเองใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ตั้งแต่แข่งขันสนามแรกที่มันดาลิกา ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้อาการบาดเจ็บนิ้วมือ

ปรากฏการณ์นี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างแท้จริง เพราะนี่คือนักบิดไทยคนแรกที่ชนะใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” และถือเป็นนักบิดอาเซียนคนแรกที่ทำได้

ด้วยมาตรฐานเกมระดับสูงสุดของโลก ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ นักบิดไทยต้องรอหลังจากนั้นถึง 4 สนามก่อนจะจัดการคว้าโพเดียมที่ 3 กับการแข่งขันที่เลอ มองส์ สนามระดับตำนานในประเทศฝรั่งเศส นั่นทำให้นักบิดไทยเก็บ 3 โพเดียม จาก 6 สนามแรก ซึ่งถือเป็นผลงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับนักบิดที่มาจาก “อาเซียน”

จากนั้น “เจ้าก้อง” ก็ยกระดับผลงานขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลัง นักบิดไทยคืนฟอร์มเก่งกลับมาขึ้นโพเดียมได้อีกครั้งที่เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ชนิดที่มีลุ้นเป็นผู้ชนะ หลังไล่บดกับทีมเมท ไอ โอกูระ อย่างสุดมันส์ ต้องตัดสินกันหน้าเส้นชัย และนี่คือโพเดียมที่ 4 ของฤดูกาล

เมื่อจบฤดูกาล 2022 “เจ้าก้อง” เก็บคะแนนมาได้ทั้งสิ้น 128 แต้ม ครองอันดับ 10 ของโลกกับการแข่งขันรุ่นโมโตทู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับนักแข่งจากอาเซียน

ถือเป็นสัญญาณที่ดีเพื่อนำไปสู่การยกระดับผลงานในปีหน้า

โดยเจ้าก้องเองก็วางเป้าหมายในปีหน้า ขอยกระดับขึ้นไปติดท็อป 5 ให้ได้.

โจโจ้ซัง