ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พิษร้ายจากวิกฤติโควิด-19 ทำเอาสะบักสะบอมไปทั้งโลก โดยเฉพาะคนไทยต้องตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังและหวาดกลัวมาเป็นแรมปี เพราะถึงจะไม่ติดไวรัสร้าย แต่หลายชีวิตก็แห้งเหี่ยวเหมือนรอวันตาย!! ท่ามกลางความหดหู่ไร้แสงสว่าง อย่างน้อยห้วงเวลานี้ก็ยังมีความหวังเล็กๆให้คนไทยได้ลุ้นกันพอชื่นอกชื่นใจ เมื่อ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย 41 ชีวิต จาก 15 ชนิดกีฬา หาญกล้าทำหน้าที่เพื่อชาติลุยสู้ศึก “โอลิมปิก โตเกียว 2020” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 23 ก.ค. ถึง 8 ส.ค.นี้ เพื่อพิชิตชัยชนะมาฝากประชาชนชาวไทย จุดประกายความหวังใหม่ ได้เห็นผืนธงไตรรงค์ปลิวไสวสวยงามสง่าสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง สะท้อนความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ แม้ในยามสถานการณ์โลกเข้าขั้นวิกฤติ
จาก 33 ชนิดกีฬาที่เจ้าภาพ “โอลิมปิก โตเกียว 2020” จัดให้มีการชิงชัย มีนักกีฬาไทยผ่านการคัดเลือกและได้สิทธิ์เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์รอบสุดท้าย รวมจำนวน 41 คน จาก 15 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ยิงปืน, ยิงเป้าบิน, ขี่ม้า, เทควันโด, จักรยาน, เรือใบ, วินด์เซิร์ฟ, มวยสากล, กรีฑา, เทเบิลเทนนิส, เรือพาย (เรือแคนู และเรือกรรเชียง), กอล์ฟ, ยูโด, ว่ายน้ำ และแบดมินตัน
นำทัพโดยพี่ใหญ่นักกีฬาโอลิมปิก 4 สมัย “ณี-สุธิยา จิวเฉลิมมิตร” ตัวแทนทีมชาติไทย นักกีฬายิงเป้าบิน ประเภทสกีตหญิง นักแม่นปืนสาวจากปราจีนบุรี วัย 35 ปี การันตีผลงานจากการเป็นแชมป์โลก, แชมป์เอเชียนเกมส์, แชมป์เอเชีย และเคยครองมือหนึ่งของโลก เมื่อปี 2016 แม้จะประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างโชกโชน แต่เธอก็มุ่งมั่น
ฝึกซ้อมหนัก เพื่อคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาฝากคนไทย
อีกหนึ่งพี่ใหญ่รับใช้ชาติเป็นสมัยที่ 4 คือ “ธันย่า-ธันยพร พฤกษากร” นักกีฬายิงปืน ประเภทปืนสั้นสตรี 25 ม. หญิง จากเด็กติดแชตคุยมือถือทั้งวัน กลายเป็นสาวเท่ไอดอลของคนรุ่นใหม่ เพราะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวให้ยิงปืน ด้วยพรสวรรค์โดดเด่นเกินวัย ทำให้ธันย่าติดทีมชาติไทยครั้งแรกตั้งแต่อายุ 13 ปี และยังคงทำหน้าที่ตัวแทนทีมชาติไทยมาถึงปัจจุบันในวัย 31 ปี สร้างสถิติงดงามให้จดจำ ด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย แชมป์อาเซียน และผ่านเข้ารอบชิงโอลิมปิกเกมส์ 2 จาก 3 ครั้ง
เสริมทัพช่วยกวาดเหรียญให้ทีมชาติไทยโดยดาวเด่นโอลิมปิก 3 สมัย “เมย์-รัชนก อินทนนท์” ตัวแทนนักกีฬาแบดมินตัน ประเภทหญิงเดี่ยว นักหวดลูกขนไก่จากยโสธร วัย 26 ปี สร้างตำนานวิ่งสู้ฟัด พลิกชะตาชีวิตจากลูกพนักงานโรงงานขนมหวานบ้านทองหยอด แจ้งเกิดเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการแบดมินตัน ที่คว้าแชมป์เยาวชนโลกติดกัน 3 สมัย ขณะวัย 17 ปี ได้เข้าร่วมศึกโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก หลังจากนั้นเพียงปีเดียวก็สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกอายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 18 ปี 6 เดือน 6 วัน และจนถึงปัจจุบันยังคงทำผลงานยอดเยี่ยม สามารถคว้าแชมป์ระดับอาชีพมาครองถึง 19 รายการ ไม่นับรวมแชมป์โลกและแชมป์เอเชีย บอกเลยว่าน้องเมย์คือความหวังยิ่งใหญ่ของคนไทย
พร้อมทุ่มหมดหน้าตักให้โอลิมปิกครั้งนี้ เพื่อปิดฉากเส้นทางอาชีพอย่างสวยงามตามความฝัน
สำหรับ “สด-ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี” ตัวแทนโอลิมปิกสมัยที่ 3 ลงสู้ศึกกีฬามวยสากล รุ่น 57 กก. ชาย ยอดนักชกสระแก้ว วัย 36 ปี รับใช้ชาติครั้งแรกในศึกซีเกมส์ 2009 และสร้างสถิติกวาด 4 เหรียญทอง จากซีเกมส์ 6 สมัย พร้อมคว้าแชมป์เอเชีย ปี 2015 และเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก ปี 2013 ต้องตามลุ้นว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เฮียจะเอาอยู่ไหม หลังพลาดหวังหลายเวที
น่าจับตาเช่นกันคือ นักสู้วงการน่องเหล็กไทย วัย 33 ปี “บีซ-จุฑาธิป มณีพันธุ์” นักกีฬาจักรยาน ประเภทถนน สาวใจเด็ดจากร้อยเอ็ด หวิดสิ้นชื่อมาแล้วเพราะชนกับรถกระบะบนถนนระหว่างฝึกซ้อม ส่งผลให้ไหปลาร้าหักสองท่อน ต้องผ่าตัดและพักรักษาตัวอยู่นาน กระนั้น เธอขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อแลกกับเหรียญโอลิมปิกจากการชิงชัยสมัยที่ 3 หลังฝากความสำเร็จมาแล้ว คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2014 และเป็นแชมป์ซีเกมส์ 3 สมัย
อีกความหวังของทีมชาติไทย
ที่นำความสุขมาให้คนไทยเสมอ ก็ต้อง “โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล” ตัวแทนนักกีฬากอล์ฟบุคคลหญิง นับตั้งแต่ตามรอยพี่สาวเทิร์นโปรตอนวัย 17 โปรกอล์ฟผู้น้องก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกอล์ฟไทย ด้วยการทำผลงาน 11 แชมป์ LPGA และ 2 แชมป์รายการระดับเมเจอร์ พร้อมครองมือหนึ่งของโลกรวม 23 สัปดาห์ กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ ต้องจับตาว่าโปรกอล์ฟมากพรสวรรค์ วัย 25 ปี จะพิชิตเหรียญโอลิมปิกสำเร็จไหม ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทยสมัยที่ 2
ถูกจับตาในฐานะความหวังของชาติ ยังรวมถึงจอมเตะ วัย 23 ปี จากสุราษฎร์ธานี ที่เติบโตมาในครอบครัวนักกีฬา “เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” ตัวแทนกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง แม้จะพลาดหวังจากโอลิมปิก 2016 เพราะแพ้ให้คู่แข่ง ช่วง 4 วินาทีสุดท้าย แต่ผลงานสุดแกร่งหลังจากนั้นที่กวาด 18 แชมป์ จาก 21 รายการลงแข่งขัน ขึ้นคว้าแชมป์โลก 2 สมัย และครองมือหนึ่งของโลก ก็ทำให้คนไทยเปี่ยมความหวังว่าจะมีเหรียญทองโอลิมปิกติดไม้ติดมือกลับบ้านให้พี่น้องชาวไทยได้ชื่นใจ
โดนใจในลีลาและความมุ่งมั่น จึงได้รับการขนานนามจากสื่อให้เป็นราชินีวงการขว้างจักรไทย ก็ต้อง “เบญ-สุเบญรัตน์ อินแสง” นักกรีฑา ประเภทขว้างจักรหญิง หลังโดนบูลลี่เรื่องตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็ก สาวทรงพลังจากสุราษฎร์ธานี วัย 27 ปี เปลี่ยนปมด้อยให้เป็นปมเด่น กัดฟันสู้จนได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทย สร้างผลงานสะท้านวงการมาต่อเนื่อง ด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย และเป็นตัวแทนนักกีฬาโอลิมปิก 2 สมัย ยากจะหาใครเทียบติดจริงๆ
สาวเมืองย่าโม วัย 23 ปี “อ้อย-อรสา เที่ยงกระโทก” ตัวแทนกีฬาเรือแคนู สปรินต์ ประเภทเรือแคนู 1 คนหญิง ระยะ 200 เมตร อาสาสู้ศึกโอลิมปิกเป็นครั้งแรก ท่ามกลางเสียงดูถูกมากมาย สาวอ้อยใช้พื้นฐานจากกีฬาเรือยาวพัฒนาฝีมือไปสู่การซิ่งเรือแคนู เร่งฝึกซ้อมแค่ 8 เดือน ก็ติดทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2015 และกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาเรือแคนูไทยคนแรกที่ได้ไปโอลิมปิก
อายุน้อยละอ่อนที่สุดในทัพนักกีฬาทีมชาติไทย และเป็นเด็กไทยอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ได้ไปโอลิมปิกตั้งแต่อายุ 15 ปี คือ “กัปตัน-อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์” ตัวแทนนักกีฬายิงปืน ประเภทปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม. ชาย หนุ่มน้อยจากเมืองย่าโมมีความมุ่งมั่นเปี่ยมล้น และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากมารดา แม้ประสบการณ์ยังน้อยนิด แต่กัปตันเชื่อมั่นว่าจะไปถึงดวงดาวคว้าเหรียญแรกในโอลิมปิกเกมส์กลับมาเป็นของขวัญให้คนไทย ต้องให้โอกาสหนุ่มน้อยได้พิสูจน์ฝีมือและความตั้งใจ
ยูเทิร์นหักศอกจากอาชีพนักบินมาเป็นนักกีฬายิงปืนตอนวัยกลางคนก็ว่าเจ๋ง แต่ “แซม–เศวต เศรษฐาภรณ์” ยังขอเอาชนะแรงโน้มถ่วงโลก ด้วยการเป็นตัวแทนทีมชาติไทยอายุมากที่สุด 58 ปี ไปร่วมแข่ง “โอลิมปิก โตเกียว 2020” พิชิตชัยชนะจาก กีฬายิงเป้าบิน ประเภทแทร็ปชาย อย่าประมาทฝีมือลุงอิมพอร์ตจากอเมริกาโดยเฉพาะก็ต้องนักวิ่งลูกครึ่งไทย-อเมริกัน “คีริน ตันติเวทย์” เป็นตัวแทนกรีฑา ประเภทวิ่ง 10,000 ม. ชาย เขาอาสารับใช้ทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2017 สร้างตำนานวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยรองเท้าข้างเดียว และทำผลงาน 2 เหรียญทองจากซีเกมส์ 2019 จนเป็นที่จดจำของแฟนๆชาวไทยกับรอยยิ้มสุดจริงใจ ร่วมส่งใจเชียร์นักวิ่งไทยคนแรกไปสู้ศึกโอลิมปิกกัน
ส่งใจไปซ้อม ฝากใจไปแข่ง ...ชีพจรเต้นแรง...เชียร์คนเก่งคนไทย...ร้อยพ่อพันแม่ แต่เพื่อเมืองไทย...เพื่อความยิ่งใหญ่
ผูกใจเป็นหนึ่ง...หน้าที่อาจต่างร่วมทางกันได้...พร้อมเชียร์ทีมไทย...สายเลือดเดียวกัน...เพื่อความยิ่งใหญ่...เพื่อไทยเป็นหนึ่ง
อยากให้คนไทยร่วมเชียร์ขาดใจ ส่งกำลังใจไปถึงทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ที่สู้อดทนและเสียสละทำหน้าที่เพื่อชาติ เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องชาวไทย.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง