มะระหวาน
หากย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ “แซมบ้า” บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัยเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ “เวิลด์ คัพ 2022” ไปครอง
เพราะขุมกำลังที่ทัพ “เซเลเซา” ขนมานั้นถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปีเลยทีเดียว โดยเฉพาะแนวรุกกำลังท็อปฟอร์มทั้งเนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก, ราฟินญา, กาเบรียล เชซุส และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี เช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นๆ ก็เพียบพร้อมไม่แพ้กัน
โดยบราซิลออกสตาร์ตได้อย่างแจ่มเอาชนะทั้งเซอร์เบียไปได้ 2-0 และชนะสวิตเซอร์แลนด์ 1-0 แม้ว่านัดสุดท้ายจะพ่ายแพ้แคเมอรูนไป 0-1 แต่ก็เข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ผ่านเข้าไปดวลกับ เกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีม ก่อนแข้งแซมบ้าจะไล่ทะลวงเอาชนะไปได้สบายเท้า 4-1 เข้ารอบ 8 ทีมไปแบบไม่ยากเย็น
รอบ 8 ทีม บราซิลก็โคจรมาพบกับ “ตาหมาก รุก” โครเอเชีย รองแชมป์เก่าปี 2018 ซึ่งดูแล้วทัพเซเลเซาเหนือกว่าค่อนข้างชัดเจน แต่พอเล่นไปเล่นมาบราซิลกลับเค้นฟอร์มไม่ออกเจอแท็กติกของทัพโครแอตเล่นงานจบเกม 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที ก่อนจะเสมอกันไป 1-1 ต้องตัดสินกันด้วยลูกจุดโทษ ก่อนบราซิลพ่ายไป 2-4 ตกรอบ 8 ทีมไปอย่างช้ำใจ จากการพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้ติเตลาออกจากตำแหน่งทันที
หลังจากที่ติเตลาออกจากตำแหน่งทางสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล (ซีบีเอฟ) นำโดยเอ็ดนัลโด โรดริเกส บิ๊กบอสของลูกหนังแซมบ้าก็เดินหน้าคัดสรรเพื่อเฟ้นหากุนซือที่ดีที่สุดเข้ามาคุมทีมเพื่อพาทีมชาติบราซิลกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดา เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
โดยครั้งนี้ทางบราซิลมองหากุนซือต่างชาติเข้ามาทำงานหลังจากที่ผ่านมานับตั้งแต่คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ในปี 2002 ยังไม่มีกุนซือแซมบ้าคนไหนที่พา “แซมบ้า” คว้าแชมป์โลกได้อีกเลย
โดยที่ผ่านมามีรายชื่อกุนซือชื่อดังมากมาย ที่ตกเป็นเป้าหมายของทัพแซมบ้า ไม่ว่าจะเป็นซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส),หลุยส์ เอ็นริเก (สเปน), คาร์โล อันเชลอตติ (อิตาลี), โจเซ มูรินโญ (โปรตุเกส), โธมัส ทูเคิล (เยอรมนี) และราฟาเอล เบนิเตซ (สเปน)
เรียกได้ว่ารายชื่อแต่ละคนนั้นถือว่าเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จในการคุมทีมระดับสโมสรกันซะส่วนใหญ่ มีเพียงแค่เอ็นริเกเท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมชาติ
ตั้งแต่ก่อตั้งสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลมามีกุนซือที่ไม่ใช่สายเลือดแซมบ้าคุมทัพเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นและคนสุดท้ายที่เป็นกุนซือชาวต่างชาติที่คุมทัพกาแฟก็ย้อนกลับไปในปี 1965 หรือ 58 ปีที่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้วทาง “แซมบ้า” ก็ยังไม่สามารถหานายใหญ่คนใหม่ได้เลย โดยตอนนี้เป็นเฟร์นานโด ดินิซ ที่รับหน้าที่คุมทีมชั่วคราวไปก่อน ซึ่งฟอร์มการเล่นของบราซิลก็ยังไม่ดีมากนักในปี 2023 ลงเล่นไป 3 นัด แพ้ 2 นัดชนะ 1 นัด เท่านั้น
จนล่าสุด เอ็ดนัลโด โรดริเกส ปธ.ซีบีเอฟ ประกาศคว้าตัวอันเชลอตติ กุนซือชาวอิตาเลียน เข้ามาคุมทีมชาติบราซิล แต่ก็ต้องรอจนถึงเดือน มิ.ย. 2024 เพราะยังมีสัญญาอยู่กับ “ราชันชุดขาว” เป็นปีสุดท้าย
เชื่อว่า “อันเช” คงตกปากรับคำไปแล้ว แต่แค่เปิดเผยไม่ได้เพราะจะเป็นการเสียมารยาทเนื่องจากยังเหลือสัญญากับ “ชุดขาว” อยู่
แต่การที่เอ็ดนัลโดได้ออกมายืนยันว่า อดีตกุนซือเอซี มิลาน จะคุมทัพ “แซมบ้า” สู้ศึกโคปา อเมริกา 2024 กลางปีหน้านั้น ก็เหมือนเป็นการคอนเฟิร์มแล้วว่า “อันเชลอตติ” คือนายใหญ่คนใหม่
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการดึงตัวของ “อันเช” มาคุมทัพเซเลเซา ทำให้ตำแหน่งดังกล่าวยังคงเป็นปริศนาต่อไปเพราะถ้ายังไม่ชูเสื้อหรือเซ็นสัญญา อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ!!
มะระหวาน