หน้าแรกแกลเลอรี่

โรนัลโดฝันสลาย "โมร็อกโก" 10 คน ชนะ "โปรตุเกส" แอฟริกาชาติแรกเข้ารอบรองฯ ฟุตบอลโลก 2022

ไทยรัฐออนไลน์

10 ธ.ค. 2565 23:57 น.

"ล็อกถล่มอีกแล้ว" โมร็อกโก ที่เหลือ 10 คน เฉือนชนะ โปรตุเกส เข้ารอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 กลายเป็นแอฟริกาชาติแรกที่ทำได้

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่แรกของวันนี้ เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทาง ทรูโฟร์ยู 24 เป็นเกมที่สนามอัล ธูมามา สเตเดียม กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ทีมชาติโมร็อกโก อันดับ 22 ของโลก พบกับ ทีมชาติโปรตุเกส อันดับ 9 ของโลก

เกมนี้ โมร็อกโก ต้องปรับ 2 ตำแหน่งในแนวรับที่บาดเจ็บทั้ง นูส์แซร์ มัซราอูย และ นาเยฟ อาเกิร์ด โดยส่ง ยาเฮีย อัตติยาต อัลลาห์ กับ จาวัด เอล ยามิค ลงมาแทน ส่วน โปรตุเกส ก็ยังดร็อป คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงตัวเก่งเป็นแค่ตัวสำรองนัดที่ 2 ติดต่อกัน และใช้ กอนซาโล รามอส ที่ทำแฮตทริกในรอบ 16 ทีม ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 ลงล่าตาข่ายเหมือนเดิม

เปิดฉากแค่ 4 นาที โปรตุเกส เกือบขึ้นนำก่อนจากการพุ่งโหม่งของ ชูเอา เฟลิกซ์ แต่ ยาสซีน บูนู ยังล้มตัวปัดออกหลังไปได้แบบหวุดหวิด

จากนั้น โมร็อกโก มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง แต่ยังไม่จะแจ้งเท่าที่ควร นาทีที่ 31 โปรตุเกส เกือบใส่สกอร์ได้อีกครั้ง ชูเอา เฟลิกซ์ ได้กดเน้นๆ หน้าเขตโทษ บอลแฉลบ จาวัด เอล ยามิค เฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

แต่แล้วนาทีที่ 42 โมร็อกโก กลับได้ประตูนำก่อน 1-0 เมื่อ ยาเฮีย อัตติยาต อัลลาห์ เปิดโด่งจากริมเส้นด้านซ้ายให้ ยุสเซฟ อ็อง-เนซีรี กระโดดโหม่งตัดหน้า ดิโอโก คอสตา นายทวารโปรตุเกสที่ออกมาตัดบอลช้ากว่า เข้าประตูไป

นาทีที่ 45 "ฝอยทอง" เกือบตีเสมอได้ แต่ลูกตวัดเข้ากลางของ บรูโน เฟอร์นันเดส ไปชนคาน และในช่วงทดเจ็บ บรูโน โดน อัชราฟ ฮาคิมี เบียดล้มในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ให้จุดโทษ และปล่อยให้เล่นต่อจนเกือบโดน โมร็อกโก ทำประตูที่ 2 แต่ ยาเฮีย อัตติยาต อัลลาห์ วางเท้ายิงไม่ดี บอลหลุดเสาแรกอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก โมร็อกโก ยังนำ 1-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 49 โมร็อกโก หวิดยิงประตูที่ 2 หนีห่างอีกครั้ง ฮาคิม ซิเยค เปิดฟรีคิกโค้งเข้าหาประตู ดิโอโก คอสตา ปัดออกมา แล้วบอลโดนตัว จาวัด เอล ยามิค เฉี่ยวเสาออกหลังไปชนิดใจหายใจคว่ำ

นาทีที่ 52 โปรตุเกส แก้เกมด้วยการเปลี่ยน รูเบน เนเวส กับ ราฟาเอล เกร์เรโร ออกมา แล้วส่ง คริสเตียโน โรนัลโด กับ ชูเอา คันเซโล ลงไปเสริมเกมรุกแทน ส่วนนาทีที่ 58 โมร็อกโก ต้องเปลี่ยน อัชราฟ ดารี ลงมาคุมแนวรับแทน โรแม็ง ซาอิสส์ กัปตันทีมที่เจ็บ เล่นต่อไม่ไหว

นาทีที่ 58 กอนซาโล รามอส ได้โอกาสลุ้นทำประตูครั้งแรกในเกมนี้ แต่ก็ยังโหม่งหลุดกรอบออกไปอีก ถัดมานาทีที่ 64 บรูโน เฟอร์นันเดส ได้ซัดหน้าเขตโทษ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปอีก

นาทีที่ 83 โปรตุเกส น่าได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ โรนัลโด แตะคืนมาให้ เฟลิกซ์ ได้ยิงเต็มข้อ บอลพุ่งแรงทำท่าจะเสียบใต้คาน แต่ ยาสซีน บูนู ยังบินปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+1 โรนัลโด เกือบพังประตูตีเสมอได้ หลังรับบอลจากการแทงตัดแนวรับก่อนยิงเน้นเสาแรก แต่ ยาสซีน บูนู ยังเซฟไว้ได้อีก

นาทีที่ 90+3 วาลิด เชดดิรา กองหน้าตัวสำรองที่เพิ่งโดนใบเหลือง ไปเปิดปุ่มใส่ ชูเอา เฟลิกซ์ รับใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออก โมร็อกโก เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน

แต่ โมร็อกโก ยังยันสกอร์เอาไว้ได้ จบเกมเอาชนะ โปรตุเกส 1-0 กลายเป็นชาติแรกจากแอฟริกาที่ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง ทีมชาติอังกฤษ หรือ ทีมชาติฝรั่งเศส ในวันที่ 14 ธันวาคม 

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

โมร็อกโก (ระบบ 4-3-3) : ยาสซีน บูนู (ผู้รักษาประตู) - อัชราฟ ฮาคิมี, จาวัด เอล ยามิค, โรแม็ง ซาอิสส์ (กัปตันทีม), ยาเฮีย อัตติยาต อัลลาห์ - อัซเซดีน อูนาฮี, โซเฟียน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ - ฮาคิม ซิเยค, ยุสเซฟ อ็อง-เนซีรี, โซฟิยาน บูฟาล

โปรตุเกส (ระบบ 4-3-3) : ดิโอโก คอสตา (ผู้รักษาประตู) - ดิโอโก ดาโลต์, เปเป (กัปตันทีม), รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรโร - โอตาวิโอ, รูเบน เนเวส, แบร์นาร์โด ซิลวา - บรูโน เฟอร์นันเดส, กอนซาโล รามอส, ชูเอา เฟลิกซ์