ไทยรัฐฉบับพิมพ์
“แซมบ้า” บราซิล แชมป์โลก 5 สมัยเดินหน้าไล่ล่าแชมป์สมัยที่ 6 หลังระเบิดฟอร์มสมราคา ถล่ม “โสมขาว” เกาหลีใต้ ยับเยิน 4-1 ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปชน “ตาหมากรุก” โครเอเชียที่ดวลจุดโทษชนะญี่ปุ่นไป 3-1 หลังเสมอในเวลา 120 นาที ทั้งสองทีมจะแข่งขันในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 22.00 น. สถิติของทั้งคู่ บราซิลเหนือกว่าเยอะชนะ 3 จาก 4 นัดที่พบกัน ติเต กุนซือทัพเซเลเซา โต้ปม ดราม่าเต้นไม่ให้เกียรติคู่แข่ง ยันแค่รักษาสัญญาที่ให้ กับนักเตะเท่านั้น ขณะที่เปาโล เบนโต กุนซือชาว โปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายใหญ่ทัพ “โสมขาว” หลังพาทีมร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วน ความเคลื่อนไหว 8 ทีม คู่ระหว่างเนเธอร์แลนด์ พบ อาร์เจนตินาที่จะฟาดแข้งกันวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 02.00 น. เวอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีมทัพ “กังหันลม” ออกมาเตือนลูกทีมว่า “ฟ้าขาว” ไม่ได้มีแค่ลิโอเนล เมสซี กองหน้าตัวเก่งเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวอันตราย
ศึกแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย “แซมบ้า” บราซิล ระเบิดฟอร์มสมราคาแชมป์โลก 5 สมัย ไล่ถล่ม “โสมขาว” เกาหลีใต้ ไปยับเยิน 4-1 ได้ประตูจากวินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 7, เนย์มาร์นาทีที่ 13, ริชาร์ลิสัน นาทีที่ 29, ลูกัส ปาเกตา นาทีที่ 36 ส่วนทีมเยือนตีไข่แตกได้จากเพค ซึง-โอ นาทีที่ 76 ส่งผลให้บราซิลผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปดวลสตั๊ดกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่แม่นจุดโทษเอาชนะญี่ปุ่นไป 3-1 หลังจาก 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ทั้งสองทีมจะเจอกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ วันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 22.00 น.
สำหรับสถิติทั้งสองทีมเจอกันมาทั้งหมด 4 ครั้ง บราซิลชนะ 3 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง พบกันในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 ครั้ง บราซิลชนะ 2 ครั้ง โดย บราซิลชนะ 1-0 ในฟุตบอลโลกปี 2006 และบราซิล ชนะ 3-1 ในฟุตบอลโลก ปี 2014
สำหรับในเกมดังกล่าวทำให้บราซิลสร้างสถิติกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ใช้งานผู้เล่นในทีมครบทุกคน (รวมถึงผู้รักษาประตูทั้ง 3 คน) หลังจากที่ ติเต กุนซือชาวแซมบ้าส่งนายทวารมือ 3 อย่าง แวแวร์ตอน ลงเฝ้าเสาในนาทีที่ 80 ในเกมที่ชนะเกาหลีใต้ 4-1 นายด่านพัลไมรัสเป็นคนที่ 26 ที่ได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกของทัพ “แซมบ้า”
นอกจากนั้น ในเกมดังกล่าวได้มีดราม่าเล็กๆ เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นทีมชาติบราซิลยิงประตูเข้าก็จะเต้นฉลอง และมีอยู่ลูกหนึ่งที่ ติเต กุนซือของทีมได้ร่วมเต้นฉลองกับแข้งเซเลเซา แต่ก็ทำให้มีกระแสไม่พอใจการกระทำของพวกเขามองว่าทางติเต และลูกทีมไม่ให้เกียรติทีมชาติเกาหลีใต้ กรณีดังกล่าวนายใหญ่ทีมชาติบราซิลออกมาชี้แจงว่า “ผมบอกกับ ริชาร์ลิสันไปว่า ถ้าเขามาโชว์ท่าเต้นต่อหน้าผม ผมจะยอมเต้นร่วมกับเขา ผมไม่อยากให้มีการตีความไปแบบผิดๆ เราทำด้วยสาเหตุอื่นๆไม่ใช่ว่าทำไปเพราะดูหมิ่นคู่แข่ง”
ขณะที่เนย์มาร์ กองหน้าเบอร์ 1 ของบราซิลได้ ออกมายอมรับว่าหวั่นใจเหมือนกันว่าจะปิดเทอมยาวในฟุตบอลโลกครั้งนี้หลังบาดเจ็บหนักตั้งแต่นัดแรกที่ชนะ เซอร์เบีย 2-0 แต่ก็ยิ้มที่กลับมาวาดลวดลายได้อีกครั้ง
“ผมยอมรับว่ากลัวที่จะไม่ได้กลับมาลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกอีกครั้ง แต่ผมก็ได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนๆและครอบครัวของผม ผมดีใจที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ตอนนี้ผมไม่รู้สึกว่าปวดตรงข้อเท้าแล้ว ผมคิดว่าฟอร์มของผมดีมากๆ และผมก็พยายามจะปรับปรุงให้ดีขึ้นเสมอและผมจะทำมันให้ได้” เนย์มาร์กล่าว
ส่วน เปาโล เบนโต กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายใหญ่ของ “โสมขาว” หลังจากพาทีมไปได้ไกลถึงเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากพ่ายบราซิลยับเยิน 1-4
“ผมเพิ่งประกาศให้บรรดานักเตะและท่านประธานสหพันธ์ฯได้ทราบว่า นี่คือการตัดสินใจที่ผมเลือกมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ และผมก็ยึดมั่นในสิ่งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกๆ คน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง จากนี้ไปทางเกาหลีใต้ ต้องเดินหน้าไปสู่อนาคต ส่วนผมก็จะได้พัก” เปาโล เบนโตกล่าว
ด้านความเคลื่อนไหวของรอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง “กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ และ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา ที่จะฟาดแข้งกันในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ เวลา 02.00 น. ล่าสุดเวอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังกัปตันทีม “ฟลายอิ้งดัตช์แมน” ออกมาเตือนลูกทีมว่าทีมอาร์เจนตินาไม่ได้มีแค่ลิโอเนล เมสซี คนเดียวที่จะต้องระวัง
“เขา (เมสซี) เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล มันเป็นเกียรติที่ผมจะดวลกับเขาในศึกฟุตบอลโลก แต่มันไม่ใช่แค่ผมต้องสู้กับเขา หรือ เนเธอร์แลนด์สู้กับเขา แต่เป็นเนเธอร์แลนด์กับ อาร์เจนตินาต่างหาก พวกเขามีผู้เล่นอีกมากมายระดับโลกที่อยู่ในทีม” ปราการหลังของลิเวอร์พูลเปิดใจ
ส่วนเฟรงกี เดอ ยอง กองกลางตัวเก่งของทัพออรันเย ก็ยันว่า “เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในตัวเต็งคว้าแชมป์เช่นกัน ผมคิดว่าพวกเราทุกคนพร้อมที่จะดวลกับอาร์เจนตินา ใช่พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ แต่มันไม่สำคัญ เพราะพวกเราก็เป็นเต็งแชมป์เช่นกัน”
ขณะที่นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ที่ปรึกษาประจำประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และอดีตกรรมการ กสทช. ได้เขียนบทความเรื่องปัญหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.65 ว่า การที่ที่ประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 23 พ.ย.65 มีความเห็นว่ากรณีที่ผู้ให้บริการไอพีทีวี ไม่สามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้นั้น ถือเป็นการขัดต่อประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) หากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่สามารถดำเนินการให้ไอพีทีวีถ่ายทอดสดได้ กกท.ย่อมมีหน้าที่ต้องคืนเงินสนับสนุน 600 ล้านบาทคืนให้แก่สำนักงาน กสทช. มองว่าการที่ กกท. อ้างคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาว่าเป็นการใช้สิทธิของเอกชนผู้ได้รับสิทธินั้น เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่ทำไว้กับสำนักงาน กสทช. ดังนั้น สำนักงานกสทช.มีสิทธิเรียกเงินสนับสนุนคืน และ กกท.มีหน้าที่ต้องคืนเงินภายใน 15 วัน และหาก กกท. ไม่ปฏิบัติตาม เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการฟ้องคดีตามมา