หน้าแรกแกลเลอรี่

อินทรีเหล็กทำได้

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

26 มิ.ย. 2561 05:01 น.

กลายเป็น “ม้ามืด” ตัวจริงของศึกฟุตบอลโลกฉบับรัสเซีย สำหรับ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม หลังลั่นฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องไล่ถล่มตูนิเซียขาดลอย 5–2 ทำให้เบลเยียมเก็บชัยชนะ 2 นัดรวด คว้า 6 คะแนนเต็ม ยึดจ่าฝูงกลุ่มจีและจ่อเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายเต็มที

เอเดน อาซาร์กับโรเมลู ลูกากูช่วยกันยิงคนละ 2 ประตูให้กับเบลเยียมในนัดนี้ ส่วนอีกลูกเป็นผลงานของ มิชี บาตชัวยี และนี่ถือเป็นครั้งแรกของเบลเยียมที่ยิงได้ถึง 5 ประตูในเกมเดียวในประวัติศาสตร์การเล่นฟุตบอลโลกของพวกเขา

ขณะที่ โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ของเบลเยียมกลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 32 ปีที่ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตู 2 นัดติดต่อกันในฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ “เสือเตี้ย” ดีเอโก มาราโดนา ตำนานทีมชาติอาร์เจนตินาทำได้ในปี 1986 (ในเกมเจอกับอังกฤษและเบลเยียม)

โรเมลู ลูกากู
โรเมลู ลูกากู

นอกจากนี้ลูกากูยังซัดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวร่วมกับคริสเตียโน โรนัลโด กองหน้ากัปตันทีมชาติโปรตุเกส

ส่วนประตูที่เป็นลูกยิงจุดโทษของอาซาร์นั้น กลายเป็นประตูที่เร็วที่สุดอันดับ 2 ของเบลเยียมในการแข่งขันฟุตบอลโลก (5 นาที 59 วินาที) รองจากประตูของ ลีโอโพลด์ อานูล ที่ทำได้ตั้งแต่นาทีที่ 5 ในเกมเจอกับอังกฤษ เมื่อปี 1954

จากฟอร์มอันร้อนแรงที่ชนะ 2 นัดติด แถม ยังกะซวกตาข่ายคู่แข่งไปถึง 8 ลูก ทำให้ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียมถูกยกให้เป็น “ม้ามืด” ที่มีลุ้นคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 โดยล่าสุดบ่อนรับพนันชื่อดังเมืองผู้ดีได้ยกให้เบลเยียมขึ้นมารั้งเต็ง 3 ที่จะคว้าแชมป์โลก 2018 ที่ราคา 7-1 (แทง 1 จ่าย 7 ไม่รวมทุน) เท่ากับแชมป์เก่า “อินทรีเหล็ก” เยอรมนีแล้ว

นัดสุดท้ายเบลเยียมมีคิวดวลกับอังกฤษ เพื่อแย่งกันเป็นแชมป์กลุ่มจี ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ แต่มีข่าวหลุดออกมาว่า โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือทีมปิศาจแดงยุโรป อาจจะพักตัวหลักอย่างอาซาร์, ลูกากู และเดอ บรอยน์ แล้วส่งตัวสำรองลงบู๊ เพื่อต้องการจบอันดับ 2 ของกลุ่ม โดยหวังจะหลบไม่ต้องเจอกับทีมเต็งอย่างบราซิล หรือเยอรมนีแชมป์เก่าในรอบก่อนรองชนะเลิศ

ขณะที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนีแชมป์เก่าคว้าชัยนัดแรกได้แล้ว หลังพลิกนรกโกงความตายกลับมาแซงเฉือนชนะ “ไวกิ้ง” สวีเดนแบบลุ้นระทึกสุดๆ 2-1 ชนิดที่เยอรมนี ซึ่งเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนท้ายเกมมาได้ประตูชัยในช่วงทดเจ็บจากลูกยิงสุดคมของโทนี โครส กองกลางจากเรอัล มาดริด

หลังจากเปิดหัวนัดแรกได้อย่างน่าผิดหวัง พ่ายพลิกล็อกต่อเม็กซิโก 0-1 นัดนี้ โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมอินทรีเหล็ก ซึ่งโดนวิจารณ์อย่างหนักจากเกมแพ้เม็กซิโก ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่นถึง 4 ตำแหน่ง โดยดร็อป เมซุต โอซิล แล้วส่งมาร์โก รอยส์ ลงมาเล่นแทน

แต่เกมทำท่าจะซ้ำรอยนัดแรก เมื่อแชมป์เก่าโดนสวีเดนขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่โครสจ่ายบอลพลาดตรงกลางสนาม ก่อนที่โอลา ตอยโวเนน หัวหอกไวกิ้งจะสปีดหนีเจอโรม บัวเต็ง กองหลังเยอรมนี แล้วกระดกบอลข้ามหัวมานูเอล นอยเออร์ เข้าประตูไป ทว่าครึ่งหลังเริ่มมาแค่ 3 นาที เยอรมนีตามตีเสมอ 1-1 จากการยิงของมาร์โก รอยส์

จากนั้นเกมทำท่าจะเสมอกันอยู่แล้ว แต่ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 “อินทรีเหล็ก ”มาได้ประตูชัย 2-1 จนได้ จากลูกยิงสุดสวยของโทนี โครส ทำให้กองกลางจากเรอัล มาดริด รายนี้กลายเป็น “เดอะ แบก” ของทีมอินทรีเหล็กอย่างแท้จริง

ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974 ที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนีพลิกสถานการณ์จากตามหลังก่อนในครึ่งแรกกลับมาแซงคว้าชัยได้สำเร็จ โดยในปี 1974 เยอรมนีตามหลังสวีเดน 0-1 ในครึ่งแรก แต่สุดท้ายแซงกลับมาถล่มชนะได้ 4-2

เห็นได้ชัดว่าฟอร์มการเล่นนัดแรกกับนัดที่ 2 ของเยอรมนีต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกมแพ้เม็กซิโก ทีมของโยอาคิม เลิฟ ต่อบอลกันสะเปะสะปะ เกมรุกไม่มีประสิทธิภาพ ผิดกับนัดพลิกเชือดสวีเดน ซึ่งเยอรมนีกลับมาเป็นเยอรมนีทีมเดิม โดยเฉพาะครึ่งหลังที่เล่นกันได้เฉียบคมมาก เน้นต่อบอลเรียดเข้าทำประตู ซึ่งได้ผลเป็นอย่างยิ่ง

ต้องบอกว่าแชมป์เก่าเยอรมนีกลับมาแล้ว ขอแค่เอาชนะเกาหลีใต้ให้ได้ในนัดสุดท้าย ทีมอินทรีเหล็กจะคว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ซึ่งดูแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก เพราะเกาหลีใต้ชุดนี้ยังไม่แข็งแกร่งเท่าไรนัก

หลังปั่นต้นฉบับนี้เสร็จ ผมก็เตรียมแพ็กกระเป๋าขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองนิจนี นอฟโกรอด เพื่อเป็นสักขีพยานชมเกมกลุ่มจี ระหว่าง “สิงโตคำราม” อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนชาวไทยปะทะ ปานามา ทีมสมันน้อยจากอเมริกากลาง นัดนี้หากทีมสิงโตคำรามคว้าชัยชนะได้จะตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายทันที

เป็นโอกาสดีที่ผมจะได้เห็นฟอร์มของทีมสิงโตคำราม และฟอร์มของกัปตันทีมอย่าง แฮร์รี เคน แบบจะจะเต็มสองตา

ไว้กลับมาแล้วจะเล่าสู่กันฟังครับ.

หมวดแซม