หน้าแรกแกลเลอรี่

“ฟ้าขาว” โคม่า!

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

24 มิ.ย. 2561 05:01 น.

เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางดวงใจของเหล่าแฟนบอลชาวอาร์เจนไตน์ เมื่อ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา หนึ่งในเต็งแชมป์พลาดท่าโดน “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ถลุงพ่ายยับด้วยสกอร์ขาดลอยไม่น่าเชื่อ 3-0 กลายเป็นผลการแข่งขันที่ช็อกที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งมีดีกรีเป็นรองแชมป์เก่าและอดีตแชมป์โลก 2 สมัย ทั้งที่ในทีมเต็มไปด้วยนักเตะซุปเปอร์สตาร์ แถมยังมียอดนักเตะหมายเลข 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี เป็นหัวใจของทีมอีกด้วย

แต่พอรวมกันเป็นทีมแล้ว อาร์เจนตินาเหมือนต่างคนต่างเล่น ปราศจากทีมเวิร์กอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญพึ่งพาเมสซีมากเกินไป ทุกครั้งที่เมสซีได้บอลจะโดนนักเตะโครเอเชียรุมประกบติดจนทำอะไรไม่ถนัด และเมื่อเมสซีเล่นไม่ออก อาร์เจนตินาก็หมดพิษสงไปโดยปริยาย

เห็นได้ชัดเลยว่า ฮอร์เก ซามเปาลี กุนซืออาร์เจนตินา เป็นโค้ชที่ไม่เก่งเอาซะเลย จัดตัวผู้เล่นและวางแท็กติกก็ไม่ได้เรื่อง เกมนี้แทนที่จะส่งตัวเก่งที่เก๋าเกมอย่าง เปาโล ดิบาลา, กอนซาโล อิกัวอิน และอังเคล ดิ มาเรีย ลงเป็นตัวจริง เพื่อประสานงานกับเมสซี และกุนอเกวโร ได้แบบไร้รอยต่อ แต่กุนซือซามเปาลี กลับเลือกส่งแข้งโนเนมอย่างมักซี เมซา และ เอ็นโซ เปเรซ ลงมาเล่นแทน

ความผิดพลาดครั้งใหญ่อีกประการของซามเปาลีก็คือ การที่เขาเมินไม่เอาเมาโร อิคาร์ดี กองหน้าตัวเก่งของอินเตอร์ มิลาน มาลุยบอลโลกที่รัสเซียด้วย ทั้งที่อิคาร์ดีมีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวกัลโชซีรีเอ อิตาลี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หากหนีบเอาอิคาร์ดีมาด้วย ก็น่าจะช่วยทีมได้เยอะทีเดียว

ตอนสกอร์ตามหลังอยู่ 0-1 ซามเปาโลแก้เกมด้วยการถอด อเกวโร ออก แล้วส่ง อิกัวอิน ลงมาแทน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนตัวในตำแหน่งเดียวกัน ทั้งที่น่าจะให้อเกวโรและอิกัวอินยืนเป็นกองหน้าคู่กัน ซึ่งน่าจะสร้างความอันตรายให้คู่แข่งได้ มากกว่า ส่วนการส่งเปาโล ดิบาลา ลงมาก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว

ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ซามเปาลีเป็นกุนซือที่ไร้ไอเดียในการแก้เกมมากๆ

จุดอ่อนอีกหนึ่งอย่างของทีมฟ้าขาวชุดนี้ก็คือ การขาดผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ ไม่น่าเชื่อว่า วิลลี กาบาเยโร จะได้เป็นนายทวารมือ 1 ของทีมอาร์เจนตินา เพราะเขาเป็นแค่ตัวสำรองในทีมเชลซี และมีโอกาสลงเฝ้าเสาไปแค่ 3 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งดูยังไงฝีมือก็ยังไม่ถึงระดับเป็นมือ 1 ทีมชาติ

และแล้ว กาบาเยโรก็ทำพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ แจกของขวัญให้กับขุนพล “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ทั้งที่จังหวะดูเหมือนไม่มีอะไรเมื่อกองหลังฟ้าขาวส่งบอลคืนหลังให้กาบาเยโร ก่อนที่นายทวารหัวโล้นพยายามจะเตะออกมาแต่โดนไม่เต็ม เลยกลายเป็นตั้งให้อันเต เรบิช เอี้ยวตัววอลเลย์ส่งบอลย้อยข้ามหัวกาบาเยโรเสียบตาข่าย

ขณะที่ลิโอเนล เมสซี เจอความกดดันมหาศาล เพราะต้องแบกทีมเอาไว้เพียงคนเดียว ไม่มีใครช่วยแบ่งเบาภาระของเขาได้เลย ตลอด 90 นาทีของเกมนี้ เมสซีมีโอกาสยิงแค่หนเดียว แต่ไม่เข้ากรอบ

อย่างไรก็ตาม เมสซีกลายเป็นผู้เล่นที่มีโอกาสยิงประตูมากกว่านักเตะคนใดๆในฟุตบอล โลกครั้งนี้ โดยเขามีโอกาสยิงไปทั้งสิ้น 12 ครั้ง (11 ครั้งในเกมเจอไอซ์แลนด์และ 1 ครั้ง ในเกม กับโครเอเชีย) แต่กลับทำประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว

หลังจบเกม แฟนๆโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์เรียกร้องให้ เมสซีควรเลิกเล่นทีมชาติได้แล้ว อย่ากลับมาเล่นอีกเลย เพราะไม่อยาก ให้ชื่อเสียงของเขาโดนปู้ยี่ปู้ยำกับทีมฟ้าขาว

การแพ้โครเอเชีย 0-3 ดังกล่าว กลายเป็นความปราชัยที่ย่อยยับที่สุดของอาร์เจนตินาในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ที่แพ้ต่อ เชโกสโลวะเกีย 1-6 ในเวิลด์คัพ ปี 1958

ขณะเดียวกัน ชัยชนะนัดนี้ทำให้ “ตา หมากรุก” โครเอเชียฉลุยเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส

ต้องบอกว่าสถานการณ์ของทีมฟ้าขาวในเวลานี้เข้าขั้นโคม่า ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจเพื่อเข้ารอบต่อไป โดยมีเงื่อนไขที่ต้องลุ้นหลายต่อ เงื่อนไขแรกคือต้องลุ้นให้ไนจีเรียเอาชนะไอซ์แลนด์ ให้ได้ เพื่อทำให้ตารางคะแนนกลุ่มดีออกมาเป็น โครเอเชีย 6 แต้ม, ไนจีเรีย 3 แต้ม, ไอซ์แลนด์ 1 แต้ม และอาร์เจนตินา 1 แต้ม

แต่ถ้าไอซ์แลนด์ชนะไนจีเรีย สถานการณ์ ของอาร์เจนตินาจะแย่หนักกว่าเดิมแน่นอน

จากนั้น อาร์เจนตินาต้องพึ่งพาตัวเอง ด้วยการถล่มเอาชนะ “อินทรีมรกต” ไนจีเรีย ด้วยสกอร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนนี้ผลต่างประตูของทีมฟ้าขาวติดลบอยู่ 3 ลูก

ต่อสุดท้ายคือต้องลุ้นให้ไอซ์แลนด์ไม่ชนะ โครเอเชีย แต่ปัญหาอยู่ที่ทีม “ตาหมากรุก” จะเล่นเต็มสูบหรือไม่ เพราะเข้ารอบไปแล้ว ดีไม่ดีเกมนี้ โครเอเชียอาจจะพักตัวหลักเกือบทั้ง ทีม แล้วส่งตัวสำรองลงสนามเป็นส่วนใหญ่ก็ได้

บางทีโครเอเชียอาจจะเล่นเพื่อดึงไอซ์แลนด์เข้ารอบไปด้วยกันก็ได้ พร้อมกับถีบส่งอาร์เจนตินากลับบ้านก่อนเวลาอันควร.

หมวดแซม