ถึงบทสรุป

ในที่สุดก็เปิดตัวกันเรียบร้อย โดยมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่แห่งรัฐบาลชุดปัจจุบัน คงไม่ต้องไปมองตำแหน่งอื่นๆ 

ที่เป็นองค์ประกอบรองๆไป ซึ่งท่านมาแถลงการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ไปเมื่อวันก่อน โดยมี 9 บริษัทตั้งแถวยืนยันการเป็นผู้ “ลงขัน” กันพร้อมหน้า

แม้ว่าการแจกแจงในวันนั้นไม่ได้มีการเปิดถึงตัวเลขลิขสิทธิ์ที่แน่นอนกันชัดๆ ก็ยังเป็นตัวเลขรวมๆที่ใช้จ่ายกันเพื่อการนี้ราวๆ 1,400 ล้านบาท

และไม่ได้ระบุกันลงไปแบบเป็นทางการว่า บริษัทใดควักให้เท่าไหร่บ้าง แต่ก็บอกรวมๆถึงตัวเลขเก่าจาก 7 บริษัทแต่เดิมที่ตั้งไว้ บริษัทละ 200 ล้านบาท เมื่อมาแตกออกเป็น 9 บริษัท ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า คงมีบางบริษัทอาจจะติดขัด จะเป็นเรื่องระเบียบ หรือจำนวนก็แล้วแต่ บางส่วนจึงต้องแตกจาก 200 ลงมาเพิ่มบริษัทช่วยๆกันให้ลงตัว
ซึ่งก็ต้องถือว่าทั้ง 9 บริษัท ช่วยให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก 2018 แบบฟรีๆ เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและให้เครดิตกันไป

แม้ว่าในจำนวนบริษัทที่ร่วมสนับสนุนนี้อาจจะมีความเท่าเทียมในเรื่องการควักจ่าย แต่ในบางมุมอาจจะไม่เท่าเทียมกันในประโยชน์ที่จะได้รับกลับคืนในทางธุรกิจ รวมถึง “ตัวเงิน” ที่จะกลับมาในทางอ้อม

ซึ่งลองดูกันดีๆจะเห็นความแตกต่าง บางบริษัทมีเครือข่ายทีวีที่ได้เป็นช่องถ่ายทอดสด ก็ย่อมเกิดประโยชน์มากกว่ากลุ่มที่ไม่มีทีวีตรงนี้ และบางแห่งมีมากกว่าทีวี ที่จะได้ประโยชน์เบิ้ลขึ้นไปอีก ตรงนี้ก็แล้วแต่ เมื่อบริษัทต่างๆไม่ติดใจ ใจกว้างกัน ไม่คิดเล็กคิดน้อย หรือไม่อยากคิด หรืออยากแต่คิดไม่ได้อะไรก็ตาม รวมถึงมีช่องที่ไม่ได้มีบริษัทเครือข่ายจ่าย แต่ก็ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดไปด้วย

อาจจะเทียบเคียงได้ว่า บางบริษัทเหมือนซื้อโฆษณา แต่บางแห่งเหมือนการซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มเติมขึ้นมาสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเรื่องของเขา ของแต่ละบริษัทที่จ่ายเงินลงไป!

จัดเป็นกระบวนการภายในอันมี “บิ๊กป้อม” ควบคุมดูแล!!!

ในสาธารณชนอย่างเราๆท่านๆ ที่จะเป็นผู้รับ คงไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง หรือมีประโยชน์อะไรเพิ่มเติมด้วย นอกจากการสมประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ นั่นคือ การได้ดูฟุตบอลโลกแบบสดๆกันครบทุกคู่ อย่างฟรีๆ

ก็คงต้องแสดงความคารวะในน้ำจิตน้ำใจของ 9 บริษัท ที่ทำให้คนไทยมีความสุขในช่วงเวลานั้น

กับฟุตบอลโลก 2018 ที่กำลังจะมาถึง...

“เบี้ยหงาย”