ไทยรัฐฉบับพิมพ์
เผยงบประมาณที่การท่าเรือฯ สนับสนุนทีมฟุตซอลสิงห์คลองเตยปีนี้อยู่ที่ 5 ล้านบาท โดย “ร.ท.ดร.ชำนาญ ไชยฤทธิ์” บอร์ดบริหารการท่าเรือ เอเอสเอ็ม แย้มโครงการสร้างสนามใหม่อยู่ใกล้ๆ ที่เก่า เป็นโรงยิมเนเซียมของฟุตซอลโดยเฉพาะ ใช้เงินสร้าง 115 ล้านบาท คาดเสร็จทันซีซัน 2022 ชี้ปัจจัยสู่ความสำเร็จคือ การมีแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนเยอะขึ้น เห็นได้ชัดหลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตซอลไทยลีกมาครองได้ 2 ซีซันหลังสุด มียอดแฟนคลับพุ่งทะลุ หวังเห็นทีมป้องกันแชมป์ลีก ส่วนสโมสรชิงแชมป์เอเชียบอร์ดบริหารก็ให้ความสำคัญที่สุดด้วย
ร.ท.ดร.ชำนาญ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ในฐานะประธานที่ปรึกษาสโมสรการท่าเรือ เอเอสเอ็ม เปิดเผยถึงการเตรียมทีม “สิงห์คลองเตย” เพื่อสู้ศึกในการแข่งขันซีซัน 2020 ว่า ในส่วนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเรามีส่วนที่จะสนับสนุนสโมสรฟุตซอลการท่าเรือ เอเอสเอ็ม อยู่ที่ราว 5 ล้านบาท ขณะเดียวกันเราก็อำนวยความสะดวกในเรื่องของสนามแข่งขันที่ใช้อยู่ ณ ขณะนี้ ขณะเดียวกันเราก็มีแผนงานที่จะสร้างโรงยิมเนเซียมใหม่อีกที่หนึ่ง แม้ว่าตอนนี้จะมีปัญหาอยู่เล็กน้อย แต่คาดว่าในปีหน้าเราน่าจะสร้างโรงยิมเนเซียมได้เสร็จ
ร.ท.ดร.ชำนาญ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ได้เผยถึงเป้าหมายของทีมในการแข่งขันฤดูกาล 2020 ด้วยว่า “เราคงต้องพยายามรักษาแชมป์ฟุตซอลไทยลีกเอาไว้อีกสมัย ขณะเดียวกันเป้าหมายในรายการฟุตซอลสโมสรชิงแชมป์เอเชีย 2020 ซึ่งรายการนี้เราให้ความสำคัญมากๆเพื่อเป็นการสนับสนุนให้นักกีฬาของเราได้มีการพัฒนาทักษะและพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ได้มากๆเท่าที่จะเป็นไปได้”
พูดถึงแฟนคลับของการท่าเรือ เอเอสเอ็ม ซึ่งตั้งแต่เรามีสนามเป็นของตัวเองที่โกดัง สเตเดียม ก็ทำให้เรามีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแฟนคลับก็ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด โดยหลังจากที่เราคว้าแชมป์ฟุตซอลไทยลีกมาได้ 2 สมัยล่าสุดในปี 2018-2019 ก็ทำให้เรามีแฟนคลับเยอะขึ้น
สำหรับสโมสรการท่าเรือ เอเอสเอ็ม เราก็มีความคาดหวังที่จะรักษาการเป็นอันดับหนึ่งให้ได้ ขอกำลังใจจากแฟนๆมาช่วยกันเชียร์เพื่อสร้างแรงใจกับทีมงานผู้ฝึกสอนและนักเตะให้ได้มากที่สุด สำหรับโรงยิมเนเซียมใหม่ของสโมสรการท่าเรือ เอเอสเอ็ม จัดตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับที่เดิมที่โกดัง สเตเดียม โดยใช้งบประมาณกว่า 115 ล้านบาท โดยคาดกันว่าจะสามารถใช้งานได้ในฤดูกาล 2022 ทันที.