ไทยรัฐฉบับพิมพ์
“โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ชี้สมาคมฟุตบอลฯ ไม่ควรปล่อยให้นักเตะ “ชบาแก้ววัยโรย” เลิกเล่นไปเฉยๆ ไม่เช่นนั้นประสบการณ์การเล่นฟุตบอลทั้งชีวิตจะสูญเปล่า โดยเฉพาะผู้เล่นที่ผ่านศึกฟุตบอลโลกมา 2 สมัย เชื่อหากส่งไปฝังตัวตามศูนย์ฝึก รวมทั้งโรงเรียนต่างๆ จะช่วยพัฒนาวงการจากระดับรากหญ้า และเพิ่มประชากรแข้งน่องอ่อน ได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ มั่นใจหลายคนทำได้ดีแน่นอน
“โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน กุนซือใหญ่ที่กำลังนำทัพ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ฝรั่งเศส เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่นักเตะหลายคนในทีมมีอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางคนอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการค้าแข้งว่า ตอนนี้ในทีมมีบางคนที่สนใจไปทำงานด้านโค้ช เช่น “ปุ๋ย” พิสมัย สอนไสย์ ที่เล่นฟุตบอลมาเกือบ 20 ปี ผ่านฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 สมัย และตอนนี้ก็เรียนจบหลักสูตรโค้ชระดับบีไลเซนส์แล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นหลายคนที่กำลังจะต้องเลิกเล่นในไม่ช้า ซึ่งตนรู้สึกเสียดายประสบการณ์ของพวกเขาเหล่านั้น
“หลายคนผ่านฟุตบอลโลกมาถึง 2 ครั้ง ตนคิดว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้ จึงอยากให้ช่วยสนับสนุนนักเตะที่กำลังรีไทร์ให้ยังอยู่ในวงการต่อไป ไม่ใช่เลิกเล่นก็ต้องไปทำงานด้านอื่น ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาเคยได้รับมาตลอดชีวิตการเล่นฟุตบอล ก็จะสูญเปล่า ยิ่งฟุตบอลหญิงในไทยถือว่าเป็นกลุ่มน้อย ดังนั้นเมื่อเรามีทรัพยากรบุคคลอยู่แล้ว ก็น่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เฮดโค้ชทีมชบาแก้วกล่าวต่อว่า ตนมีความเห็นว่า สมาคมน่าจะให้นักฟุตบอลหญิงทีมชาติ มีส่วนไปช่วยพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้า เราสามารถส่งนักเตะหญิงทีมชาติไทยไปสอนเยาวชนตามภูมิภาคต่างๆ หรืออาจจะบรรจุเป็นพนักงานประจำของสมาคมก็ได้ จากนั้นก็ให้พวกเขาเหล่านั้นในฐานะบุคลากรที่มีประสบการณ์ ออกไปสร้างประชากรลูกหนังหญิงขึ้นมาเพิ่มเติม เชื่อว่าน่าจะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลหญิงไทยได้อีกทาง
“เท่าที่ตนทำฟุตบอลหญิงมาก็พอรู้ว่าใครมีภาวะผู้นำ เชื่อว่าแต่ละคนเป็นผู้ฝึกสอนที่ดีได้ อีกทั้งการที่เด็กๆ ได้เห็นไอดอลของพวกเขามาสอนจะทำให้เกิดความศรัทธา และมีความเชื่อมั่นว่าจะสอนพวกเขาให้เก่งได้”
โค้ชหนึ่งฤทัย กล่าวด้วยว่า ตอนนี้มีสมาคมกำลังเปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลหลายที่ ทั้งที่ ม.กรุงเทพธนบุรี หรือที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งกำลังก่อสร้าง เป็นส่วนที่สามารถส่งนักเตะหญิงไปช่วยฝึกสอน รวมทั้งโรงเรียนกีฬาทั่วประเทศ หรือโรงเรียนต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบางโรงเรียนมีการทำฟุตบอลหญิง แต่ให้รุ่นพี่มาสอน ดังนั้น จะดีกว่าหากส่งนักกีฬาทีมชาติไปฝังตัว เพื่อสร้างนักฟุตบอลรุ่นเยาว์ ยิ่งกระจายกันในไปหลายๆที่ ก็ยิ่งมีการแข่งขันมากขึ้น ฟุตบอลหญิงจะพัฒนาไปได้เร็ว ซึ่งจุดนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่นโยบายของผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอลฯ.