หน้าแรกแกลเลอรี่

เปิดเส้นทางชีวิตต้องสู้ของ “เพชรดำ” ที่ไม่คาดฝันว่าจะมาไกลขนาดนี้

ไทยรัฐออนไลน์

26 พ.ค. 2562 10:10 น.

เนื่องด้วยวันนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 21 ปี ของแชมป์โลกวัน มวยไทย รุ่นฟลายเวตคนแรกอย่าง “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” เจ้าของฉายา “เดอะ เบบี้ ชาร์ค” ซึ่งขณะนี้อยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ที่วัดศิลาไหล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีบ้านเกิด โดยมีกำหนดระยะเวลาการบวช 15 วัน


วันที่ 26 พ.ค.62 สำหรับเรื่องราวของ “เพชรดำ” ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลก เริ่มต้นจากความอยากรู้อยากลองในวัย 8-9 ขวบเมื่อได้เห็นการแข่งขันชกมวยในงานสงกรานต์แถวบ้าน พ่อของ เพชรดำ ซึ่งชอบดูมวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพาเขาไปเปรียบมวย ทั้งที่ไม่เป็นมวยเลยแม้แต่น้อย

เพชรดำ ในฐานะลูกชายคนโต จากบรรดาลูกชาย 3 คนของครอบครัวชาวนา ที่มีฐานะยากจน เขาต้องดิ้นรนเพื่อหาทางช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เมื่อรู้ตัวว่าจะได้ขึ้นชกพ่อที่รู้เรื่องมวยแบบงูๆ ปลาๆ ก็ช่วยฝึกซ้อมให้โดยอาศัยใช้นวม กระสอบ เป้าที่มีคนเอามามอบให้ทางหมู่บ้านซ้อมไปวันๆ กลางทุ่งนาที่ยังไม่มีการปลูกข้าว ด้วยความหวังว่าสักวันจะได้เห็นเพชรดำชกมวยออกทีวี

ตอนขึ้นชกครั้งแรก ทั้ง เพชรดำ และคู่แข่งขัน ต่างก็ไม่เป็นมวย ชกเหมือนว่ายน้ำใส่กัน ผลการแข่งขันเพชรดำเป็นฝ่ายแพ้คะแนน รับค่าตัว 300 บาทเป็นกำลังใจ ให้เห็นช่องทางทำมาหากินได้ แต่ชกอยู่ 4-5 ไฟต์ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ พ่อไม่รู้จะสอนยังไง จึงพาไปฝากค่ายมวยแถวบ้าน ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพชรดำได้ฝึกมวยอย่างจริงจัง

ช่วงที่ เพชรดำ เริ่มเข้าไปฝึกซ้อมมวยในค่าย ทำให้เกิดมิตรภาพใหม่จากเพื่อนรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง “เพชรมรกต” ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักมวยเก่ง และมีชื่อเสียงแถวอุบลราชธานีแล้ว จากคนไม่เป็นมวยเลย เพชรดำ ค่อยๆ ซึมซับวิชาความรู้ และเดินสายชกสั่งสมกระดูกมวยอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี แต่ยังไม่มีชื่อเสียง

กระทั่งตอนที่ เพชรดำ เรียนอยู่ชั้น ม.1 ค่ายที่ซ้อมอยู่เลิกทำมวย เพชรมรกตย้ายไปอยู่กับค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี่ที่กรุงเทพฯ ส่วนเพชรดำตั้งใจศึกษาให้จบชั้น ม.3 ก่อน จึงร้างเวทีไปนาน 2 ปี ก่อนจะย้ายตามเพื่อนรักเข้าสู่เมืองกรุงในวัย 16 ปี

การฝึกซ้อมมวยในค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี เพชรดำ เหมือนต้องมาเริ่มต้นใหม่ เพราะการซ้อมแตกต่างจากค่ายเดิมที่อีสานอย่างมาก และเมื่อได้อยู่ท่ามกลางนักมวยเก่งๆ จำนวนมากในค่าย รวมถึงการบริหารจัดกาที่มีความเป็นมืออาชีพ จึงทำให้พัฒนาฝีมือขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากค่าตัวหลักพันขยับเป็นหลักหมื่น ปัจจุบันเพชรดำได้ค่าตัวหลักแสนบาท ขึ้นแท่นนักชกดีกรีแชมป์เข็มขัดหลายเส้น ทั้งแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินีและแชมป์ประเทศไทย 118 ป. แชมป์ WBC 126 ป. และแชมป์โตโยต้ามาราธอน 135 ป.

นอกเหนือจากความสำเร็จบนสังเวียน สิ่งที่ทำให้ เพชรดำ ภาคภูมิใจคือการได้เลี้ยงดูบุพการี และส่งเสียน้องชายทั้งสองคนเรียนหนังสือ ปัจจุบันน้องชายเรียนอยู่ชั้น ม.5 และ ป.4 ส่วนตัวเขาเองเรียนจบ กศน. ชั้น ม.6 จากอุบลราชธานี เขาหวังว่าจะส่งน้องทั้งสองคนจนเรียนจบมหาวิทยาลัยให้ได้

เพชรดำ ได้เข้าเป็นนักกีฬาในสังกัด “วัน แชมเปียนชิพ” และสร้างผลงานชนะน็อกสามไฟต์ติดต่อกัน จนได้มีโอกาสสำคัญในการขึ้นชิงแชมป์โลกวัน คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวตเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในศึก ONE: WARRIORS OF LIGHT และเพชรดำก็ทำได้สำเร็จ

จากความใฝ่ฝันของพ่อ ที่อยากเห็นเพชรดำชกมวยออกทีวี วันนี้เขาทำได้มากกว่านั้น และไม่ใช่เพียงพ่อคนเดียวที่รอดูเพชรดำ ยังมีผู้ชมทั่วโลกด้วย เพชรดำ บอกว่าเขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาได้ไกลถึงจุดนี้.