หน้าแรกแกลเลอรี่

'วัน แชมเปียนชิพ-โกลบอล ซิติเซน' ร่วมทำกิจกรรมช่วยโลก

ไทยรัฐออนไลน์

24 ม.ค. 2561 21:30 น.

การร่วมมือกันระหว่าง 2 องค์กรที่ยิ่งใหญ่ "วัน แชมเปียนชิพ" และ "โกลบอล ซิติเซน" รวมทั้งนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ จะร่วมทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับการศึกษา ความมั่นคงทางอาหาร ความหิวโหย และโภชนาการ รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพระดับโลก ความเท่าเทียมกันทางเพศ และความถูกต้องต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วเอเชีย...

วันที่ 24 ม.ค. วัน แชมเปียนชิพ (ONE Championship) บริษัทผู้ผลิตสื่อรายการกีฬาใหญ่ที่สุดระดับโลกของเอเชีย ได้ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรกับ โกลบอล ซิติเซน องค์กรที่มีเป้าหมายในการยุติความยากจนทั่วโลกให้ได้ภายในปี 2030

สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ เริ่มขึ้นในงานแข่งวัน แชมเปียนชิพ ที่กำลังจะจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ วันศุกร์ที่ 26 มกราคม ซึ่งจะทำให้แฟนๆ ศิลปะการป้องกันตัวกว่าล้านคน ได้มีโอกาสร่วมกันส่งเสริม และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ การศึกษา ความมั่นคงทางอาหาร ความหิวโหย และโภชนาการ รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพของโลก และความเท่าเทียมทางเพศ โดย โกลบอล ซิติเซน และ วัน แชมเปียนชิพ จะร่วมมือกันจัดกิจกรรมนี้ตลอดอีเวนต์การแข่งขัน 24 ครั้งทั่วเอเชียในปีนี้

 
ด้านนายชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานและซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะประกาศว่า วัน แชมเปียนชิพ ได้เป็นพันธมิตรกับ โกลบอล ซิติเซน ซึ่งเป็นองค์กรเอ็นจีโอ ที่มีเป้าหมายในการยุติความยากจนทั่วโลกภายในปี 2030 วัน แชมเปียนชิพ มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก ในการเข้ามาร่วมมือกันแก้ปัญหาอันยิ่งใหญ่นี้ นักกีฬาของวัน แชมเปียนชิพ หลายคน ได้ใช้ความเพียรในการฝึกศิลปะการป้องกันตัว เพื่อก้าวข้ามความยากจน และนักกีฬาเหล่านี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหลายล้านคนทั่วโลก ผ่านเส้นทางการดำเนินชีวิตของพวกเขา ทั้งนี้ การร่วมมือกันระหว่าง วัน แชมเปียนชิพ และ โกลบอล ซิติเซน ตลอดการแข่งขัน 24 ครั้งในปีนี้ มุ่งเป้าที่จะสร้างความเคลื่อนไหวที่ดีให้กับสังคมของเรา

ขณะที่ เว่ย ซู ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ โกลบอล ซิติเซน เผยว่า เรามีความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมทำงานกับวัน แชมเปียนชิพ ในการนำโกลบอล ซิติเซน มาสู่เอเชีย วัน แชมเปียนชิพ เป็นช่องทางที่เข้าถึงคนหนุ่มสาวกว่าล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย และเราจะร่วมมือกันเพื่อสื่อสารถึงพวกเขา เกี่ยวกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก โดยตั้งแต่เราเริ่มโครงการโกลบอล ซิติเซน ในปี 2012 มีกิจกรรมมากกว่า13 ล้านครั้งได้ถูกจัดขึ้น และเราตื่นเต้นที่มันจะเพิ่มจำนวนขึ้น และส่งผลโดยตรงต่อโลกได้มากขึ้น ผ่านพันธมิตรของเรา
 
"การดำเนินการครั้งแรกที่แฟนๆ ของ วัน แชมเปียนชิพ จะสามารถทำได้ เน้นไปที่การศึกษาทั่วโลก โดยแฟนๆ สามารถเรียกร้องจากประเทศผู้ให้บริจาค เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และ อินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือเพื่อการศึกษา (Global Partnership for Education's หรือ GPE) ในเมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ และให้ความสำคัญกับ GPE เพื่อสนับสนุนการศึกษาที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน ปัจจุบันเด็กๆ 264 ล้านคนทั่วโลก กำลังขาดการศึกษา กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเด็กหญิง และกว่า 75 ล้านคน ขาดการศึกษาโดยมีผลจากความขัดแย้ง หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในการประชุม GPE นั้น จะสามารถหาเงินทุนที่จำเป็นได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถสนับสนุนคุณภาพการศึกษาที่ครบถ้วนต่อไป สำหรับเด็กๆ นับร้อยล้านคนทั่วโลก
" เว่ย ซู กล่าว 

ทั้งนี้ สำนักงานใหญ่ของโกลบอล ซิติเซน ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก และยังมีสาขาในประเทศต่างๆ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย เยอรมนี และอังกฤษ โดย โกลบอล ซิติเซน ก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการสร้างช่องทางที่ผู้คนจะรับรู้เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ และช่วยกันทำกิจกรรมเพื่อแก้ไข
ปัญหา และร่วมกันยุติปัญหาความยากจนให้ได้ภายในปี 2030 นับตั้งแต่นั้นมา ผู้คนนับล้านทั่วโลกต่างได้ร่วมทำกิจกรรมกว่าสิบล้านครั้ง โดยมีทั้งการส่งอีเมล ทวีต ร่วมลงนาม และรวมถึงโทรศัพท์หาผู้นำของประเทศทั่วโลก เพื่อเป้าหมายในการหยุดความยากจนในปี 2030 ในปัจจุบัน กิจกรรมของโกลบอล ซิติเซน ผ่านพันธมิตรต่างๆ ได้ทำให้เกิดโครงการมากกว่า 130 โครงการ ที่ร่วมผลักดันโดยผู้นำจากทั่วโลก ส่งผลให้เกิดยอดบริจาคมากกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่ของคนกว่า 1,300 ล้านคนทั่วโลก
 
สำหรับ วัน แชมเปียนชิพ (ONE Championship) บริษัทผู้ผลิตสื่อรายการกีฬาใหญ่ที่สุดระดับโลกของเอเชีย ที่มีจุดยืนในการเฉลิมฉลองมรดกทาง
วัฒนธรรมศิลปะการป้องกันตัวของเอเชีย โดย วัน แชมเปียนชิพ เข้าถึงกลุ่มแฟนคลับหลายล้านคนทั่วเอเชีย ด้วยการสร้างวีรบุรุษของชาติ ผ่านการเล่าเรื่องราวของความพากเพียร และชัยชนะของพวกเขา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่คนทั่วทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของศิลปะการป้องกันตัวมากว่า 5,000 ปี