iPoppz_5
ศึก M-150 Cup ที่จะฟาดแข้งกันในระหว่างวันที่ 9-15 ธันวาคม นี้ ณ สนาม ไอโมบาย สเตเดียม จังหวัดบุรีรัมย์ แม้จะเป็นแค่ทัวร์นาเมนต์ที่ว่ากันตามตรงใช้เป็นสนามแข่งย่อมๆ ให้กับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ชุดรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เตรียมความพร้อมก่อนไปลุยศึก ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบสุดท้าย ในช่วงต้นปีหน้า ที่เมืองฉางโจว ประเทศจีน เสียมากกว่า...
จากหัวข้อคอลัมน์ฉบับนี้อ่านไม่ผิดหรอกครับว่ามันจะคือทัวร์นาเมนต์สำคัญ เพราะในเวลานี้รูปแบบการเล่นของเรายังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ไม่ต้องย้อนไปไกลมาก ยกตัวอย่างในเกมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งล่าสุด ที่ผ่านมาที่ ทัพช้างศึก ยู-23 ภายใต้การนำทีมของ "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ (ในเวลานั้น) ที่สามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้สำเร็จ ก่อนที่จะขอลดตัวเองมาเป็นผู้ช่วยพร้อมกับเปิดทางให้ โซรัน ยานโควิช เข้ามารับไม้ต่อแทน
ตัดภาพย้อนกลับในแง่ของผลงานรูปธรรมที่สามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์เป็นสมัยที่ 16 ในประวัติศาสตร์ มาครองได้ก็นับว่าประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงระบบการเล่นที่ยังไม่ชัดเจนเท่าไร ยกตัวอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้บัญชาการของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เราก็จะมองเห็นว่าเขาคือทีมที่เล่นเกมรุกเป็นหลัก
เท่าที่ผ่านมา โซรัน ยานโควิช ที่เคยรับบทผู้ช่วยของ มิโลวาน ราเยวัช ในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เข้ามารับช่วงต่อก็ยังไม่เห็นความชัดเจนแบบเห็นแล้วร้องอ๋อว่าเล่นสไตล์ใด แน่นอนว่ายังคงต้องให้เวลาเขาปรับจูนทีมอีกสักระยะ และในการเตรียมทีมเพื่อสู้ศึก M-150 Cup เขาก็อยู่กับนักเตะมาตลอดหลายช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรงจุดนี้เราเห็นความมุ่งมั่นของเขาว่าจริงจังแค่ไหน
ซึ่งในการแข่งขันรายการนี้ ทัพช้างศึก ยู-23 อยู่ร่วมสายกับ ทีมชาติญี่ปุ่น และ ทีมชาติเกาหลีเหนือ ถือว่าหนักเอาการอยู่ไม่น้อยเมื่อเทียบกลับอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทีมอย่าง อุซเบกิสถาน, เมียนมา, เวียดนาม
แน่นอนว่าเราเจองานหนักตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่กระนั้นมันก็เป็นการวัดศักยภาพโดยรวมของทีม อาจนับรวมถึงโค้ชด้วยว่าจะทำได้ดีแค่ไหน จะถึงแชมป์มั้ย มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนแล้วหรือยัง ก่อนที่จะลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบสุดท้าย ที่เป็นของจริงในช่วงต้นปีหน้า