ไทยรัฐออนไลน์
ไปรู้จักกับ "กัณตพัชห์ มันปาติ" ผู้รักษาประตูทีมชาติ ชุดรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ผู้เคยไปฝึกซ้อมกับ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งรับบทฮีโร่ในศึกชิงแชมป์อาเซียน รอบรองชนะเลิศที่เอาชนะจุดโทษ อินโดนีเซีย 3-2 ทะลุเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ...
โดยผู้รักษาประตู ที่หยุด 3 จุดโทษ ของ อินโดนีเซีย ในศึก ยู 18 ชิงแชมป์อาเซียน รอบรองชนะเลิศ ถือเป็นนักเตะเยาวชนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง หลังได้รับโอกาสจากเลสเตอร์ ซิตี้ ให้ไปฝึกซ้อมกับอคาเดมี เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ล่าสุด เขาเป็นฮีโร่ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ในการพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ ในศึกชิงเจ้าอาเซียน "ผมเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุประมาณ 8 ขวบ ครับ" กัณตพัชห์ กล่าวเริ่ม
"ตอนแรกผมไม่ชอบเล่นฟุตบอล แต่คุณพ่อของผมก็หากิจกรรมให้ผมทำ ความจริงก็เริ่มเล่นมาตั้งแต่อนุบาล 3 ประมาณ 5 ขวบแล้ว ครับ ในตอนแรกผมก็เล่นเป็นกองกลางก่อน แต่ด้วยความสูง ที่ผมเป็นคนโตเร็วทำให้ผมถูกจับไปเล่นผู้รักษาประตู"
"ตอนนั้นผมก็ติดทีมโรงเรียนอรรถวิทย์ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับโรงเรียนโสมาภา จนได้ไปติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ในการแข่งขันที่ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น จนได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม"
"หลังจบทัวร์นาเมนต์ ก็มีหลายสโมสรมาทาบทาม ผมก็เลือก ชลบุรี เอฟซี ซึ่งปีที่ผมเข้าไปก็เป็นปีเดียวกับพวก ย้า (สิทธิโชค ภาโส), และ (กฤษดา กาแมน) เป็นต้น แต่ผมก็อยู่กับทีมได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ก่อนจะย้ายมาอยู่กรุงเทพคริสเตียน เนื่องด้วยเหตุผลทางการเรียน"
"พออายุ 15 ปี ผมก็ได้ติดทีมชาติไทย แข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ตอนนั้นก็มี โค้ชดู๊ด (อดุลย์ รุ่งเรือง) เป็นคนคุมทีม ตอนนั้นผมเป็นตัวสำรองตลอด ก็รู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้โอกาสลงเล่น"
"หลังจากนั้นพ่อผมอ่านหนังสือพิมพ์ ก็เจอกับประกาศรับสมัครนักกีฬาเยาวชนของเลสเตอร์ ซิตี้ พ่อผมก็ให้ลองไปสมัคร ผมก็สนใจ เพราะความใฝ่ฝันของผมก็คือการได้ไปต่างประเทศ เพราะต้องยอมรับว่าครอบครัวผมมีฐานะปานกลาง การจะได้ไปต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ก็เลยลองดู"
"ตอนที่คัดเลือก ผมก็ทำการบ้านอย่างหนัก เพราะนอกจากศึกษาตัวเองแล้ว ผมต้องศึกษาคู่แข่งด้วย เพราะผมมีความต้องการที่จะได้ไปมาก จนสุดท้ายก็ได้ติดทีมไปฝึกซ้อมกับอคาเดมี ของ เลสเตอร์ ซิตี้"
"ผมดีใจมากนะครับที่ติด แต่พอตอนไปช่วงแรกๆ เท่านั้น เหมือนคนละอย่างกับที่เราคิด ผมปรับตัวกับเพื่อนได้ ฟังภาษาอังกฤษก็ไม่เข้าใจ สื่อสารกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ฟอร์มการเล่นก็ตกลง ตลอด 6 เดือนแรก เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากครับ"
"พอผ่าน 6 เดือนแรกก็ได้กลับมาที่ประเทศไทย มันเป็นเหมือนช่วงพักใจ พอผมกลับไปอีกครั้งก็เหมือน ขอสู้อีกสักตั้ง หลังจากนั้นก็เริ่มปรับตัวได้ ตัวผมเองก็เริ่มสนุกและก็อยู่กับเลสเตอร์ ซิตี้ มาประมาณ 2 ปี"
"ตลอดสองปีที่ผ่านมาก็ได้ประสบการณ์มากมายทั้งในและนอกสนาม นอกจากนี้ยังได้รู้ว่าเราต้องดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งเรื่องของโภชนาการต่างๆ เพื่อให้เราสมบูรณ์ที่สุด ผมเชื่อว่าหากไม่ได้ไปที่เยาวชนของเลสเตอร์ ซิตี้ มันคงเป็นเรื่องที่เสียดายมาก เพราะนี่คือโอกาส เราไปแต่ตัวแทบไม่เสียอะไรเลย"
"ผมเพิ่งกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมดีใจนะที่มีสโมสรอย่างบีอีซี เทโรศาสน คว้าตัวผมมาร่วมทีม ก็ต้องยอมรับว่า บีอีซี เทโรศาสน เป็นสโมสรใหญ่ และหากติดตามฟุตบอลไทยเราก็ต้องรู้จักพอมีโอกาส ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก"
"ส่วนการติดทีมชาติ นักฟุตบอลไทยทุกคนเองต่างก็ต้องการที่จะได้รับใช้ชาติสักครั้งในชีวิต ผมรู้สึกดีใจมากที่ทางทีมชาติไม่ลืมผม แม้ผมจะไปอยู่ที่อังกฤษ มานานเกือบสามปี ต้องขอบคุณ สตาฟฟ์โค้ชและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ให้โอกาสนี้แก่ผม"
"ผมเองเมื่อได้รับโอกาสแล้ว ผมก็จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด โดยเป้าหมายแรกคือพาทีมชาติไทย U18 ไปคว้าแชมป์อาเซียน และจะพยายามรักษามาตรฐานเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ชุดที่ใหญ่กว่าเดิมเรื่อยๆ ครับ"