ไทยรัฐออนไลน์
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประชุมร่วมกับ มิโลวาน ราเยวัช สรุปผลงานทัพ “ช้างศึก” หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 "โค้ชเฮง" เผยจุดเด่นและจุดอ่อนของช้างศึกแบบละเอียดยิบ...
วันที่ 18 ก.ค. ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างสมาคมฯ และสตาฟฟ์โค้ชทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ ชุดแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน คิงส์ ครั้งที่ 45 โดยการประชุมครั้งนี้ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ, พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการฯ, คุณวิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิค, คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ และ มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่
ซึ่งการประชุมหารือกันระหว่างสมาคมฯ และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ ครั้งนี้ เป็นการสรุปผลงานและหารือเกี่ยวกับข้อบกพร่องต่างๆ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในการแข่งขันครั้งต่อไปให้ดีและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ภายหลังจากการประชุม คุณวิทยา เลาหกุล กล่าวว่า “แน่นอนว่าการแข่งขันครั้งนี้ เราขาด เมสซีเจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์), ธีรศิลป์ แดงดา สิ่งที่เปลี่ยนไปในการแข่งขันครั้งนี้คือ เกมโต้กลับเร็ว จะเห็นได้ว่า ทีมชาติไทยมีเวลาฝึกซ้อมเพียงแค่ 1-2 วัน แต่นักเตะในทีมสามารถตอบสนองแท็กติกของ ราเยวัช ได้เป็นอย่างดี ประตูที่ทำได้ในเกมกับ เกาหลีเหนือ อย่างลูกจุดโทษ ก็เกิดจากจังหวะโต้กลับเร็ว ต้องขอชื่นชมเกมรับ โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่มีความสัมพันธ์ในการเล่นดีมาก ธีราทร บุญมาทัน เองก็ทำผลงานได้ดีกับบทบาทใหม่ ต้องขอชื่นชม ราเยวัช ที่สามารถเค้นฟอร์มของนักเตะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งที่ต้องแก้ไขปรับปรุงต่อไปคือ กองหน้า ถ้าหากเรามี ธีรศิลป์ อยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกองหน้าและกองกลาง ต้องปรับปรุงอีกเยอะ โดยเฉพาะกองหน้าต้องสร้างพื้นที่ให้กองกลางขึ้นไปโจมตีมากขึ้น รวมทั้งการจบสกอร์ เพราะการสร้างจังหวะทำประตูยังน้อยเกินไป สิ่งที่เราไม่เคยเห็นในฟุตบอลไทยสมัยก่อนคือ การครอบครองบอล เราจะเห็นว่าเกมที่สอง การครองบอลของเราอยู่ในระดับมาตรฐานสากลเลยทีเดียว การเตรียมทีมสำหรับการลงแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เกมต่อไป ราเยวัช มีเวลาเตรียมทีมเกือบหนึ่งสัปดาห์ เราได้นำข้อมูลที่ได้จากการแข่งขันคิงส์คัพไปให้กับเขา เพื่อเตรียมความพร้อมต่อไป ส่วนนักเตะไทยทุกคนต้องพยายามเรียนรู้แท็กติกใหม่ๆ จากโค้ช เพื่อยกระดับการเล่นของตัวเองให้มากขึ้น เพราะอีก 2-3 ปี ราเยวัช หรือ เอคโคโน เขาก็กลับไปแล้ว ดังนั้นเราต้องมีโค้ชคนไทยที่เข้าใจแท็กติกการเล่นต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในอนาคต เพื่อจะได้คุ้มกับเงินที่เราเสียไป การแข่งขันคิงส์คัพที่ผ่านมา แน่นอนต้องขอชื่นชมคู่กองหลัง ที่มีความสัมพันธ์ในการเล่นที่ดีมาก ธีราทร เองเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญ มีอิสระในการทำเกม วิสัยทัศน์ในการมองเกมดีมาก คงไม่ใช่ผมคนเดียวที่ชื่นชมเขา คนทั้งประเทศ สเกาท์ต่างชาติที่เข้ามาดูเกมต่างชื่นชมเขา อนาคตถ้าเราได้ ธีรศิลป์, ชนาธิป, นูรูล และ สารัช อยู่เย็น กลับมา ทีมชาติไทยจะมีความแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ต้องอยู่ที่ตัวผู้เล่นด้วยว่าจะเปิดรับแท็กติกของ ราเยวัช ได้มากแค่ไหน ซึ่งนักเตะและโค้ชจะต้องร่วมมือกันต่อไป”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดต่อไปของทีมชาติไทยชุดใหญ่ คือการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 9 พบกับทีมชาติอิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 31 สิงหาคม 2560.