หน้าแรกแกลเลอรี่

พัทยาจี้ ส.ฟุตบอล พูดเองมีบทลงโทษ 3 ระดับ งั้นโชว์ลงดาบเปาที่เป่ามั่ว

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

10 เม.ย. 2560 05:45 น.

ผจก.ทีม “โลมาน้ำเงิน” พัทยา ยูไนเต็ด ยันสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นคนพูดเองว่าปีนี้จะมีบทลงโทษผู้ตัดสิน 3 ระดับ คือ ตักเตือน, ภาคทัณฑ์ และงดการทำหน้าที่ ฉะนั้นควรลงดาบ พิชิต ณ สุวรรณ เชิ้ตดำ ที่ให้สมปอง สอเหลบ ทำประตูชัยกับราชบุรี มิตรผล เอฟซี ชนะ 1-0 เช่นกัน เนื่องจากตามกฎแล้ว ปฏิวัติ คำไหม นายทวารดาวรุ่งของทีมกำลังครอบครองบอลอยู่ ไม่ว่าจะเด้งบอลลงพื้น กี่ครั้งถ้าไม่เกิน 6 วิ ผู้เล่นฝ่ายรุกไม่สามารถมาขัดขวางการเล่นได้ ตามกฎผู้ตัดสินต้องให้ใบเหลืองเป็นอย่างน้อย

ควันหลงจากเกมที่ “โลมาน้ำเงิน” พัทยา ยูไนเต็ด บุกไปแพ้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 0-1 ในศึกไทยลีก 2017 เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเสียงวิจารณ์อย่างมากมายเกี่ยวกับจังหวะการได้ประตูของทัพ “ราชันมังกร” จาก สมปอง สอเหลบ ที่ฉวยโอกาสฉกบอลจากจังหวะที่ปฏิวัติ คำไหม นายทวาร “โลมา” กำลังจะเด้งบอลลงสู่พื้น แถมผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวอย่าง พิชิต ณ สุวรรณ ก็ให้เป็นสกอร์อีกด้วย

แม้ว่า กานต์ จันรัตน์ ผจก.ทีมพัทยา ยูไนเต็ด จะออกมามองว่าสิ่งดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ในวงการฟุตบอลไทย เนื่องจากผู้ตัดสินในสนามไม่แม่นกฎแบบนี้เทียบได้กับการตัดสินคดีผิด โดยเฉพาะการไม่ทันเกมหรือมองไม่เห็นเหตุการณ์ในสนามแบบนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าอ่อนกติกา

ทว่าเจ้าตัวได้ย้อนกลับไปในงาน มีท เดอะ เพรส โตโยต้า ไทยลีก 2017 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า “ผมยังจำในสิ่งที่นายพาทิศ ศุภพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้พูดออกมาในวันนั้นเกี่ยวกับ 2 ผู้ตัดสินที่เกิดความผิดพลาดเกมแรกของลีกปีนี้ได้”

“นั่นคือเกมที่พัทยา ยูไนเต็ด ออกไปแพ้ โปลิศ เทโร เอฟซี 0-1 สมาคมเรียก ศิวกร ภูอุดม พร้อมทีมงานผู้ตัดสินมาชี้แจง ก่อนบอกว่าความผิดพลาดของการสื่อสาร ไม่ใช่เพราะผู้ตัดสินเพียงคนเดียวและบทสรุปก็คือทางสมาคมได้ลงโทษสถานเบา ซึ่งก็คือการคาดโทษ หมายความว่าหากทั้งสามคนมีใครกระทำผิดอีกจะมีการลงโทษสถานหนัก นั่นก็คือการงดทำหน้าที่”

“ส่วนกรณีของภูมรินทร์ คำรื่น ที่ไม่ให้ชลบุรี เอฟซี ได้ประตูขึ้นนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0 ใน น.15 จากการยิงของ ปรินซ์ อังปองซา เนื่องจากมองว่าไปทำฟาวล์ กรวิทย์ นามวิเศษ นั้น ก่อนที่ไม่มีการลงโทษ เนื่องจากไม่มีการฟ้องร้องจากสโมสร และทางสมาคม ได้สอบถามทางผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่า กรรมการตัดสินตามที่เห็น”

ผจก.ทีม พัทยา ยูไนเต็ด บอกอีกว่า “คุณพาทิศ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย บอกเองถึงบทลงโทษผู้ตัดสินในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงเป็น 3 ระดับ คือ ตักเตือน, ภาคทัณฑ์ และงดการทำหน้าที่ นอกจากนี้นโยบายใหม่ของสมาคมจะขอไม่เปิดเผยระยะเวลาการลงโทษว่ามีระยะยาวนานแค่ไหน เหมือนกับที่ฟีฟ่าและเอเอฟซีทำการลงโทษดังกล่าวถือเป็น การลงโทษภายใน”

“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเกมที่พัทยา ยูไนเต็ด บุกไปแพ้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 0-1 นั่นคือ ผู้ตัดสินไม่แม่นกติกา เคยศึกษากฎบ้างรึเปล่า การครอบครองบอลของผู้รักษาประตู ไม่ว่าจะเด้งบอลลงพื้นกี่ครั้งถ้าไม่เกิน 6 วิ ผู้เล่นฝ่ายรุกไม่สามารถมาขัดขวางการเล่นได้ ตามกฎผู้ตัดสินต้องให้ใบเหลืองเป็นอย่างน้อย ที่ผมออกมาพูดผมทราบดีว่าเปลี่ยนแปลงผลสกอร์ไม่ได้ แต่อยากฝากผู้เกี่ยวข้องทั้งสมาคม และประธานผู้ตัดสิน กรุณาเช็กการทำหน้าที่ทุกคู่ตั้งแต่เกมลีกเปิดมาว่ามีใครบ้างที่ทำหน้าที่ผิดพลาด เพราะผมเองก็อยากจะเห็นฟุตบอลไทยพัฒนา”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นในจังหวะที่ทีมเยือนได้จุดโทษลุ้นตีเสมอ ทว่า มิลอส สโตยานโนวิซ ยิงบอลไปติดเซฟ อุกฤษณ์ วงศ์มีมา ทว่าจังหวะต่อมา ภูริฑัต จาริกานนท์ ได้แสดงความดีใจ ด้วยการกระโดดพร้อมกับชักแขนเข้าหน้าของมิลอส สโตยานโนวิซ แต่กลับไม่มีการตักเตือนจากผู้ตัดสิน

เรื่องนี้ กานต์ จันรัตน์ ผจก.ทีมพัทยา ยูไนเต็ด บอกว่า “ผมมองว่าวงการฟุตบอลบ้านเราถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีบทลงโทษย้อนหลังให้กับผู้เล่นที่แสดงเจตนาทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพ เพราะจะเห็นได้ชัดว่าจังหวะดังกล่าวนั้น มิลอส สโตยานโนวิซ โดนแขนเข้าไปตรงใบหน้าจนล้มลงไปแต่ผู้ตัดสินก็ไม่ยอมที่จะให้ใบเหลืองแต่อย่างใด ฉะนั้นคณะกรรมการมารยาท วินัย ของสมาคมก็ควรที่จะหยิบเคสดังกล่าว ไปลงโทษย้อนหลังเหมือนกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นในอนาคตอีก”