บี บางปะกง
ไม่เสียชื่อไทยลีก !!
ผ่านการประเดิมแข้งนัดแรกกันไปแล้ว สำหรับเกมรอบแบ่งกลุ่ม ของฟุตบอลสโมสรเอเชียทั้ง 2 ถ้วย
ผลงานของตัวแทนสโมสรจากไทยลีก ทั้ง 4 ทีม ถือว่าพอใช้ได้ครับ
เพราะจบด้วยการแบ่งแต้มเสมอคู่แข่งไป 2 ทีม และอีก 2 ทีมคว้าชัยชนะ เก็บ 3 คะแนนเข้ากระเป๋าอย่างสวยงาม
เริ่มที่ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เปิดรังเจ๊า วิสเซล โกเบ ยอดทีมเจลีก โนสกอร์ 0-0 ในถ้วยใหญ่ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิท
ซึ่งถ้าดูเผินๆแล้วอาจจะน่าพอใจในระดับนึง แต่เมื่อเจาะลงไปในรายละเอียดของตัวผู้เล่นโกเบในนัดนี้แล้ว
พวกเขาเลือกที่จะใช้แข้งสำรองลงลุยในบอลถ้วยเอเชียหลายคน
ขณะที่พลพรรคเซราะกราวจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบลงไปบู๊เต็มที่ โดยส่งตัวต่างชาติเต็มโควตา แบบไม่มีกั๊ก
แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรทีมจากแดนซามูไรไม่ได้อยู่ดี แถมหลายจังหวะยังโดนนักเตะโกเบเล่นงาน จนหวิดแพ้คาบ้าน ซะด้วยซ้ำ!
นั่นหมายความว่า มาตรฐานของทีมสโมสรจากไทยแลนด์ ขนาดทีมที่ดีที่สุดในยุคนี้แล้ว
ยังไงก็ยังเป็นรองสโมสรจากญี่ปุ่นอยู่วันยังค่ำ!
ส่วนในถ้วยรอง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิท 2 ซึ่ง 3 ทีมของไทย ลงประเดิมสนามกับสโมสรร่วมอาเซียนด้วยกัน
“กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด คัมแบ็กกลับมาเล่นถ้วยเอเชียในรอบ 7 ปี
แต่น่าเสียดายต้องมาใช้ราชมังคลากีฬาสถานเป็นสังเวียนนัดเหย้าแทน ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม พลังกองเชียร์เลยหดหายไปแยะ!
ยังดีที่ตามตีเสมอ สลังงอร์ ทีมเยือนจากลีกมาเลเซีย ได้ 1-1 เก็บคะแนนแรกเอาไว้ได้
โดยนัดต่อไปแข้งกิเลน ต้องเจองานหนักในการบุกไปเยือน ชนบุ๊ค ที่เกาหลีใต้ ในเดือนหน้า วันที่ 3 ต.ค.
ซึ่งต้องเอาใจช่วยกันเต็มที่ ให้ไม่แพ้ทีมแดนโสมเอาไว้ก่อน เพื่อโอกาสลุ้นเข้ารอบในแมตช์ที่เหลือต่อไป
และถ้าดูกันตามสถานการณ์และคู่แข่งร่วมสายแล้ว ทีมที่มีภาษีดีที่สุดที่จะเข้ารอบลึกในถ้วยเอเชีย
น่าจะเป็น “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ที่เริ่มต้นเส้นทางใน ACL2 ด้วยการเปิดบ้านเฆี่ยนเอาชนะ แทมปิเนส โรเวอร์ จากเอสลีกสิงคโปร์ 4-2
จากการซัลโวเบิ้ลของ “มูห์เซ็น อัล กาสซานี่” กองหน้าดีกรีทีมชาติโอมาน ตัวใหม่
ซึ่งถูกดึงเข้ามาล่าตาข่ายแทน วิลเลน โมต้า ที่ย้ายไปอยู่ การท่าเรือ เอฟซี
ประสบการณ์จากการผ่านศึกเอฟเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เมื่อซีซั่นที่แล้ว ซึ่งพวกเขาทะลุไปจนถึงรอบ 16 ทีม
ทำให้ บียู สยบทีมจากแดนลอดช่องไปได้ในเกมนี้ หลังจากโดนตีเสมอถึง 2 ครั้ง 2 ครา
เป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งปรับปรุง คือเรื่องสมาธิในเกมรับ ที่เป็นปัญหาเสียประตูให้คู่แข่งง่ายเกินไป
จนทำให้เก็บชัยชนะไม่ค่อยได้ในการออกสตาร์ทบอลไทยลีกฤดูกาลนี้
สำหรับแมตช์ต่อไป แข้งเทพ จะออกไปเยือน นัมดินห์ ที่เวียดนาม ในวันที่ 2 ต.ค.
ซึ่ง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ต้องทำการบ้านให้ดี ถ้าคิดจะเอาแต้มกลับออกมา
อย่าให้พลาดท่าเหมือน บุรีรัมย์ ที่บุกไปพ่าย คองอันห์ ฮานอย ในศึกสโมสรอาเซียน เมื่อเร็วๆนี้ เป็นอันขาด
ส่วนอีกสโมสรที่ผลงานแจ่มแจ๋ว บุกไปคว้าชัยชนะเก็บ 3 แต้มอันล้ำค่ากลับบ้านมาได้ ในเกมประเดิม ACL2
ก็คือ การท่าเรือ ของ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ยอดกุนซือหนุ่มอนาคตไกล
ที่พา “สิงห์เจ้าท่า” ไปเฉือนเอาชนะ เปอร์ซิบ บันดุง ถึงถิ่น 1 ประตูต่อ 0
โดยมาได้ประตูชัยในนาทีสุดท้าย จาก วิลเล่น โมต้า ดาวยิงบราซิลเลี่ยน ผู้เคยผ่านสมรภูมิเอเชียกับแข้งเทพมาในซีซั่นที่แล้ว
ส่งให้สถิติของ โค้ชรังสรรค์ ในการคุมทีมถิ่นคลองเตย เป็นสโมสรเดียวที่ยังไม่แพ้ใครในทุกรายการ รวม 7 นัดเข้าให้แล้ว
ถือเป็นการเรียกความมั่นใจให้นักเตะท่าเรือทุกคนได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาเปิดแพท สเตเดี้ยม ทำศึกไทยลีก นัด “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในเย็นวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.นี้
เรียกว่าแฟนบอลทุกคนต้องร่วมกันสดุดี กับผลงานการออกตัวในถ้วยเอเชียของทั้ง ทรู แบงค็อกฯ และ การท่าเรือ ในครั้งนี้
ที่ไม่ทำให้ไทยลีกของเรา ต้องเสียชื่อ เสียรังวัด ความเป็น “ลีกเบอร์หนึ่งของอาเซียน” แต่อย่างใด!!?
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com