บี บางปะกง
‘อาจารย์เฮง’ ลุยเอง
ลูกหนังน็อคเอาท์ เอฟเอคัพ 2023/24 ผ่านรอบ 32 ทีมสุดท้ายไปแล้ว
แชมป์เก่า และรองแชมป์เก่า ฤดูกาลที่แล้ว ทะลุรอบต่อไปเรียบร้อย
จ่าฝูงไทยลีกผู้ไม่เคยแพ้ใคร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด โรเทชั่นนักเตะเกือบทั้งทีมก็จริง
แต่ยังแกร่งทั่วแผ่น ไล่ถล่ม สมุทรปราการ ซิตี้ ผู้มาเยือน ขาดลอย 4-0
ต่างจาก เทรบเบิลแชมป์ 2 สมัยติด อย่าง บุรีรัมย์ ที่กว่าจะหักด่านเอาชนะ อุตรดิตถ์ เอฟซี จากไทยลีก3 ไปได้
ต้องออกแรงปาดเหงื่อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ จึงมาได้ประตูชัย ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างหวุดหวิด
ส่วนทีมใหญ่ที่มีอันต้องโบกมือลาแค่รอบนี้
ก็มี เชียงราย ยูไนเต็ด ที่บุกไปพ่ายให้กับทีมที3 สุรินทร์ ซิตี้ แบบล็อคถล่ม 0-2
ตามด้วย เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งอุตส่าห์บุกไปยิงนำเจ้าถิ่น สุโขทัย เอฟซี 2 ครั้ง 2 ครา
สุดท้ายก็มาโดน “ค้างคาวไฟ” ไล่ตีเสมอ ก่อนจะยิงแซงในช่วงเอ็กตราไทม์ เอาชนะไปได้ 3-2 อย่างเจ็บแสบ!
เช่นเดียวกับ ราชบุรี เอฟซี ก็เจอทีเด็ดของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน
เปิดรังสามอ่าว สเตเดี้ยม ให้ลูกทีม “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี เผด็จศีก “ราชันมังกร” ไปได้ 2-1
แต่ที่ชีช้ำสุดๆในรอบนี้ ก็เห็นจะเป็นการกระเด็นตกรอบของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูงไทยลีก
ที่บุกไปเยือน ชลบุรี เอฟซี ทีมรองบ๊วย ด้วยขุมกำลังที่เป็นต่ออยู่หลายขุม
เกมนี้ซดกันมันหยดติ๋งถึงต่อเวลา 120 นาทีเต็ม โดย “เดอะแรบบิท” ยิงนำไปก่อนทั้ง 2 ครั้ง
ก่อนจะโดนเด็ก “ฉลามชล” ที่ใจสู้เกินร้อยไล่บี้ตีเสมอเป็น 2-2 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
และก็เป็นนายทวารจอมหนึบ ชนินทร์ แซ่เอียะ ที่กลายเป็นฮีโร่พุ่งเซฟลูกยิงของแข้งกระต่ายได้ถึง 2 ลูก
เขี่ย บีจี ร่วงถ้วยเอฟเอคัพ ไปได้ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก
คืนความสุขให้กับสาวกฉลามชล ที่เงื่องหงอยกันมานานให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลังจากผลงานที่ผ่านมาของทีมรัก อยู่ในช่วงต่ำเตี้ยเรียดิน ถึงขนาดต้องลุ้นหนีตายอย่างเต็มตัว
ดังนั้นจึงหวังว่าชัยชนะเหนือทีมเจ้าบุญทุ่มแห่งยุค อย่าง บีจี ในคราวนี้
จะเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ ชลบุรี เอฟซี กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างเข้าที่เข้าทาง
จนหนีพ้นโซนสีแดงได้สำเร็จ!!
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนฉลามรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
คือภาพที่ประธานเทคนิค“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ลงมาแอคชั่นคุมลูกทีมด้วยตัวเองในนัดนี้...อย่างเต็มตัว
เพราะใครก็รู้ว่า นักเตะดาวรุ่งของฉลามชลยุคปัจจุบัน
เกือบทั้งทีมเป็นผลผลิตอคาเดมี่สโมสร ที่ “อาจารย์เฮง” ปลุกปั้นมาเองกับมือทั้งสิ้น
ฉะนั้นในห้วงเวลาที่ ชลบุรี เอฟซี ต้องการกู้วิกฤติทีม ด้วยการใช้นักเตะสายเลือดใหม่เข้าสู้
ก็ไม่น่าจะมีใครอีกแล้ว ที่เหมาะสม จะลงมากำกับการแสดงให้ “เด็กฉลาม”
งัดศักยภาพของตัวเองออกมาสำแดงเดช ได้ดีเท่ากับ “เฮงซัง” อีกแล้ว
นั่นคงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่“เสี่ยนพ” อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร เคยบอกกับผมก่อนหน้านี้ว่า...
สถานการณ์ ชลบุรี ชั่วโมงนี้ คงจะยังไม่มองหากุนซือคนใหม่
แต่จะให้ "โค้ชแบงค์" ณัฐวุฒิ วิจิตรเวชการ กับ “บังดุล” อดุล หละโสะ ช่วยกันคุมทัพ
โดยมี “โค้ชเฮง” คอยลงมาควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิดในทุกๆแมตช์
ซึ่งต้องมารอดูกันว่าฝีมือระดับปรมาจารย์ตั๊กม้อ ที่ถูกยกขึ้นหิ้งไปแล้วเป็นสิบปี
จะสามารถกลับมาช่วยทำให้นักเตะฉลามยกระดับผลงานของตัวเองได้ดีขึ้นมากน้อยขนาดไหน?
พิสูจน์กันได้ (อีกครั้ง) ในบิ๊กแมตช์ไทยลีก “เอลกลาซิโก” เมืองไทย
ที่ “แข้งฉลามชล” จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “กิเลนผยอง” ในวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคมนี้
ซึ่งน่าจะพอเห็นทิศทางอะไร...ที่ชัดเจนขึ้นบ้างแล้วล่ะ !!!
บี บางปะกง
joggingboy_be@yahoo.com