ไทยรัฐออนไลน์
"ต่อพิฆาต" พีที ประจวบ เอฟซี ทีมดังไทยลีก 1 ทำหนังสือร้องเรียนถึง คณะพิจารณาผู้ตัดสินบริษัทไทยลีก จำกัด เรื่องการทำหน้าที่ผิดพลาดหลายครั้งของผู้ตัดสิน วิศเวศ สังข์นคร ในเกมที่บุกไปแพ้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 3-4 ในศึกไทยลีก เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
เรื่อง ขอร้องเรียนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน
เรียน คณะพิจารณาผู้ตัดสิน บริษัท ไทยลีก จำกัด
สำเนาเรียน ฝ่ายจัดการแข่งขันบริษัท ไทยลีก จำกัด
ตามที่สโมสร พีที ประจวบ เอฟซี ได้ลงทำการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 ประจำฤดูกาล 2023/24 ในเกมการแข่งขันนัดที่ 5 พบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด วันที่ 24 กันยายน 2566 สนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น โดยมีผู้ตัดสินลงปฏิบัติหน้าที่ดังนี้
ผู้ตัดสิน : วิศเวศ สังข์นคร
ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 : อภิชิต โนพวน
ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 : ศรีสุวรรณ บุญนำ ผู้ตัดสินที่ 4 : ภาณุมาศ พันธ์สะโม
ผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ 1 : ศิวกร ภูอุดม ผู้ช่วยตัดสินวิดีโอ 2 : วัฒนา ชนชนะกุล
ผู้ประเมินผู้ตัดสิน : ชาติชาย เปรมสุข
คำร้องเรียน ถึง การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน นายวิศเวศ สังข์นคร ที่เกิดความผิดพลาดหลายเหตุการณ์
เหตุการณ์ที่ 1 นาทีที่ 7 นายซามูเอล โรซ่า ส่งบอลให้กับ นายวานแดร์เลย์ ได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตูทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด และถูกผู้รักษาประตูสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษ “ผู้ตัดสิน และ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า และไม่ให้แป็นลูกโทษที่จุดโทษ” แต่ทว่าภายหลังทาง VAR ได้ส่งสัญญาณมาทักท้วงคำตัดสิน ผู้ตัดสินจึงต้องย้อนมาดูภาพช้า และเกิดการเปลี่ยนคำตัดสินในภายหลังเป็น “ไม่ล้ำหน้า” และ ให้เป็นลูกจุดโทษ หลังได้รับคำแนะนำจาก VAR ซึ่งในจังหวะนี้หาก VAR ไม่ส่งสัญญาณมา หรือไม่มี VAR ทางสโมสรพีที ประจวบ อาจจะเสียผลประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้
เหตุการณ์ที่ 2 นาทีที่ 11 จังหวะยิงลูกจุดโทษ นายซามูเอล โรซ่า ยิงไปติดเซฟผู้รักษาประตู และได้พยายามตามไปซ้ำ หลังจากนั้นผู้รักษาประตูคว้าบอลได้ และนายซามูเอล โรซ่าได้กระโดดข้ามตัวผู้รักษาประตู แต่ทว่าผู้ตัดสินมองว่ามีการปะทะกับผู้รักษาประตู จากนายซามูเอล โรซ่า และผู้ตัดสินให้ “ใบเหลือง” ซึ่งทางสโมสรมีความเห็นว่า นายซามูเอล โรซ่า ได้พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกันกับผู้รักษาประตูโดยการกระโดดข้าม และชักเท้าหลบ หลังเห็นว่าผู้รักษาประตูคว้าบอลได้ โดยไม่ได้มีการปะทะกับผู้รักษาประตู และผู้รักษาประตูไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับถูกคาดโทษด้วยใบเหลือง เป็นกรณที่ไม่สมควรให้ใบเหลืองแก่ นายซามูเอล โรซ่า โดยในจังหวะนี้ทางสโมสรมองว่าการตัดสินใจของผู้ตัดสินนั้นเกินกว่าเหตุ และการคาดโทษให้กับนายซามูเอล โรซ่านั้น ทำให้นายซามูเอล โรซ่า ต้องเกิดความยากลำบากในการเล่นในเวลาที่เหลือ เนื่องจากถูกการคาดโทษที่เกินกว่าความจำเป็น และไม่มีมาตรฐานเมื่อเทียบกับกรณีที่ นาทีที่ 73 นายเบรนเนอร์ อัลเวส ผู้เล่นทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้มีการปะทะกับผู้รักษาประตูของทีมพีที ประจวบ เอฟซี ซึ่งมีการปะทะกันโดยเจตนาระหว่างนายเบรนเนอร์ อัลเวส และนายรัตนัย ส่องแสงจันทร์ และนายรัตนัย ส่องแสงจันทร์ ได้รับบาดเจ็บ แต่นายเบรนเนอร์ อัลเวส กลับรอดพ้นการถูกลงโทษจาก นายวิศเวศ สังข์นคร
เหตุการณ์ที่ 3 นาทีที่ 15 จังหวะที่ นายซามูเอล โรซ่า ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ได้กางแขนเพื่อป้องกันการเข้าแย่งบอลจาก นายปานเดชา เงินประเสริฐ ผู้เล่นของขอนแก่น ยูไนเต็ด ผู้ตัดสินมองว่ามีการใช้ศอก และให้ “ใบแดง” โดยตรงทันทีกับ นายซามูเอล โรซ่า แต่ทว่า VAR ได้ส่งสัญญาณเรียกให้ผู้ตัดสินพิจารณาอีกครั้ง และเปลี่ยนคำตัดสินจาก “ใบแดงโดยตรง” และให้เป็น “ใบเหลืองที่ 2” ทำให้ นายซามูเอล โรซ่า ต้องถูกไล่ออกจากสนามไป ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า จังหวะที่ซามูเอล โรซ่า กำลังครอบครองบอลเลี้ยงไป ลักษณะท่าทางเป็นธรรมชาติในการจัดระเบียบร่างกายในการเลี้ยงบอลปกติ แต่ผู้ตัดสินมองว่าใช้ศอกกระแทกหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าแขนของซามูเอล โรซ่าสัมผัสโดนที่ลำคอเท่านั้น เพื่อใช้มือในการเปลี่ยนทิศทางในการเล่น และถ้ามองในสรีระ ส่วนสูงของผู้เล่นทั้งสอง ซามูเอล โรซ่ามีความสูงกว่า จึงทำให้ระดับแขนไปสัมผัสที่ลำคอ และเมื่อพิจารณาจากลักษณะการเข้าบอลของ ปาณเดชา เงินประเสริฐ ซึ่งมีสรีระที่เตี้ยกว่า และก้มหน้าวิ่งเข้ามาในจุดที่พอดีกับแขนของซามูเอล โรซ่า หรือกล่าวอีกอย่างว่า นายปาณเดชา เงินประเสริฐ วิ่งเข้ามาเอง โดยไม่ได้เกิดจากการกระทำของซามูเอล โรซ่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวย่อมถือว่า ซามูเอล โรซ่า ไม่ได้กระทำผิดที่จะต้องได้รับการลงโทษแต่อย่างใด และเหตุการณ์นี้ตัดสินเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเหตุการณ์ที่ 3 นี้มีความเกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์ที่ 2 ซึ่งหากเหตุการณ์ครั้งที่ 2 นั้น หากผู้ตัดสินไม่คาดโทษใบเหลืองแก่ซามูเอล โรซ่า เหตุการณ์ในครั้งที่ 3 นี้ก็จะยังคงให้นายซามูเอล โรซ่า ยังคงสามารถลงทำการแข่งขันได้ต่อไป อีกทั้งการปะทะกันของผู้เล่นทั้งสองรายระหว่าง นายซามูเอล โรซ่า และ นายปาณเดชา เงินประเสริฐนั้น เป็นครั้งที่สองที่มีการคาดโทษด้วยใบแดงขึ้น หลังจากที่เคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้าในฤดูกาล 2022/23 และผู้ตัดสินในเกมนั้นได้ตัดสินใจให้ใบแดงกับนายซามูเอล โรซ่า เช่นเดียวกัน ซึ่งทางสโมสรพีที ประจวบ มองเหตุการณ์นี้เกิดจากการกระทำของ นายปาณเดชา เงินประเสริฐ ที่ได้อาศัยความได้เปรียบจากรูปร่าง และผลการตัดสินในครั้งก่อนมาแสดงออกในการแข่งขันนัดนี้อีกครั้งนึง ซึ่งทางสโมสรพีที ประจวบ เอฟซีมองว่า เป็นความจงใจในการแสดงออกเพื่อตบตาผู้ตัดสินหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากลักษณะการเข้าบอลของ นายปาณเดชา เงินประเสริฐ ซึ่งกระทำเพื่อให้ นายซามูเอล โรซ่า ได้รับโทษ
เหตุการณ์ที่ 4 นาทีที่ 67 นายปาณเดชา เงินประเสริฐ ผู้เล่นของสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด พยายามเข้าแย่งบอลจากด้านหลังของ นายปฐมชัย เสือสกุล ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ทำให้บอลไปเข้าทาง นายเบรนเนอร์ อัลเวส ผู้เล่นของขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ยิงเข้าไปให้ขอนแก่น ยูไนเต็ดขึ้นนำ 3-1 นายวิศเวศ สังข์นคร ตัดสินให้เป็นประตูที่ 3 ของทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่ทว่า VAR ได้ส่งสัญญาณเรียกผู้ตัดสินมาพิจารณาดูว่ามีการกระทำฟาวล์หรือไม่ จากการที่ นายปฐมชัย เสือสกุล ผู้เล่นทีมพีที ประจวบ เอฟซี โดนการปะทะจากด้านหลังโดยผู้เล่น ขอนแก่น ยูไนเต็ด และถึงมีการเปลี่ยนคำตัดสิน ยกเลิกประตูนี้ในภายหลัง แสดงให้เห็นว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมีความบกพร่องหรือไม่ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งการยืนของ นายวิศเวศ สังข์นคร กับจุดเกิดเหตุนั้นไม่ได้มีอุปสรรคในการมองเห็น
เหตุการณ์ที่ 5 นาทีที่ 93 นายอภิชาติ เด็นหมาน ผู้เล่นของพีที ประจวบ เอฟซี ถูกสกัดล้มลงในกรอบเขตโทษของขอนแก่น ยูไนเต็ด แต่ นายวิศเวศ สังข์นคร ผู้ตัดสินซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้การปะทะ และสามารถมองเห็นและพิจารณาได้อย่างชัดเจน (ดังวิดีโอที่ได้แนบมา) แต่กลับพิจารณาว่าไม่เป็นลูกจุดโทษ และปล่อยให้เล่นต่อหลังจากเหตุการณ์นั้นนานถึง 1 นาที แต่ทว่ามีการส่งสัญญาณจาก VAR ท้วงติงเข้ามา และเรียกให้ไปพิจารณาการปะทะกัน และผู้ตัดสินได้ไปดู VAR ในนาทีที่ 94 และใช้เวลาพิจารณากว่า 2 นาที จึงกลับคำตัดสิน และให้ลูกจุดโทษกับสโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ในนาทีที่ 96 กว่าที่ผู้เล่นของทีมพีที ประจวบ จะยิงจุดโทษ และกว่าที่ผู้เล่นทีมขอนแก่น ยูไนเต็ดจะกลับมาเขี่ยบอลเริ่มเล่นอีกครั้งนั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 นาที ซึ่งสโมสรมีความเห็นว่าในการนี้ควรมีการทดเวลาเพิ่มเข้าไปจากเดิมมากกว่า 2 นาทีอย่างแน่นอน ซึ่งทางทีมงานของทีมพีที ประจวบ ได้เข้าไปสอบถามกับ นายภาณุมาศ พันธ์สะโม ผู้ตัดสินที่ 4 ถึงการทดเวลาเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผู้ตัดสินที่ 4 ยืนยันว่าได้มีการสื่อสารไปยัง นายวิศเวศ สังข์นคร ให้มีการบวกเวลาเพิ่มเข้าไป แต่ทว่ากลับไม่มีการบวกเวลาเพิ่มเติมเข้าไปให้เหมาะสม ซึ่งทำให้สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ต้องสูญเสียโอกาสในการตามตีเสมอ และการทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็นนั้น นายวิศเวศ สังข์นคร มีเจตนาในการประวิงเวลาให้หมดไปหรือไม่
รวมไปถึงถ้าหากพิจารณาจากการหยุดเกมในกรณีต่างๆ ทั้งการเช็ก VAR การบาดเจ็บของผู้เล่น การปะทะกัน ตลอดการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง จะเห็นได้ว่าการแข่งขันได้มีการหยุด และมีการสูญเสียเวลาไปมากกว่า 6 นาทีอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น ทางสโมสรเล็งเห็นว่าพฤติกรรม การตัดสินใจ และการปฏิบัติหน้าที่ของ นายวิศเวศ สังข์นคร ได้เกิดความผิดพลาดขึ้นหลายเหตุการณ์ อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินยังส่อไปในทางการเอื้อผลประโยชน์ และทำให้เกิดการเสียเปรียบแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทางสโมสรฯ จึงขอร้องเรียนการทำหน้าที่ตัดสินผิดพลาดในนัดนี้ เพื่อให้ทางคณะพิจารณาผู้ตัดสินได้พิจารณาว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ นายวิศเวศ สังข์นคร นั้นกระทำอย่างถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่
สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี ได้ปฏิบัติตามมระเบียบการแข่งขันของ บริษัท ไทยลีก เป็นอย่างดีเสมอมา จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ในการพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ความเป็นธรรมแก่สโมสร.