เบี้ยหงาย
คุณพี่โควิดในสีเสื้อ “โอมิครอน” ยังอาละวาดไม่หยุด และนับวันดูจะขยาย วงออกไปมากมาย ส่วนจะอันตรายมากน้อยอย่างไรหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเชื้อ และโดยเฉพาะจำนวนที่เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆนั้น จะส่งผลกระทบในวงรอบขนาดไหนเท่านั้น
กีฬาบ้านเราตอนนี้ที่โดนไปแม้ยังไม่มากนัก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด เกมใหญ่ยังไม่มีการประกาศเลื่อน เพียงเน้นย้ำมาตรการที่เข้มข้น
มีบ้างที่ชัดหน่อยก็ฟุตบอลบางนัด ซึ่งนักเตะหรือเจ้าที่มีการติดเชื้อโดยตรง วันก่อนทาง บ.ไทยลีก ก็ประกาศเลื่อนคิวไปอีกคู่ ในเกมระดับไทยลีก 2 คู่ระหว่าง “ยักษ์แสด” อุดรธานี เอฟซี พบ “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล ในวันที่ 15 ม.ค. ออกไปก่อน
ทีมกีฬาที่มีเสียวแต่ก็รอดตัวไปก็เทควันโด จากโค้ชไทยที่ติดเชื้อ 2 คน จนทำให้ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคม สั่งให้ทั้งทีมรวมนักกีฬา โค้ช ตลอดจนบุคลากรภายในแคมป์เก็บตัว ที่ศูนย์ฝึกซ้อมเทควันโดของสมาคมกีฬาเทควันโด ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ไปตรวจหาเชื้อในระบบ RT-PCR ทั้งหมดร่วม 50 คน ซึ่งก็โล่งอกไปได้ เมื่อไม่มีใครติดเลย
และถึงไม่ติดแต่ทางสมาคมซึ่งต้องชื่นชมอย่างยิ่ง ด้วยวางมาตรการป้องกันต่ออย่างเข้มงวด จะให้แยกซ้อม รวมถึงโค้ชที่เคยติดก็จะแยกออกไป ไม่ให้มาที่สนามซ้อม โดยจะให้สอนแบบออนไลน์ ส่วนนักกีฬาที่ตรวจแล้ว ปกติให้กลับมาซ้อมแต่แบ่งซ้อมเป็นกลุ่มย่อย 7 วัน แล้วมาตรวจกันอีกครั้ง
แต่ก็มีประเด็นที่สะดุดหู เมื่อนายกสมาคมเทควันโดฯ บอกชัดว่าต้องปรับแผนส่งนักกีฬาไปแข่งขันในยุโรป 3 รายการ โดย 2 รายการแรกไปที่เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม เดือน มี.ค. ต้องยกเลิกไป ด้วยเหตุนักเทควันโดทีมชาติไทยฉีดวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม แล้วบูสต์ด้วยแอสตราฯ เป็นเข็มที่ 3 แต่ทั้งสองชาติไม่รับรองวัคซีนซิโนแวค ส่วนแอสตราฯก็ต้องผลิตในประเทศที่เขารับรองเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถเข้าทั้ง 2 ประเทศได้ทันที แต่ถ้าจะเข้าไปร่วมการแข่งขันต้องกักตัวก่อน
ทางสมาคมเทควันโดจึงวางคิว เมื่อได้ตัว นักกีฬาแน่นอน จะให้ไปฉีดโมเดอร์นาเข็มแรกในวันที่ 21 ม.ค. จากนั้นเว้น 1 เดือน ไปฉีดโมเดอร์นา เข็มที่ 2 วันที่ 18 ก.พ. ก่อนปลายเดือนมีนาคม จะเดินทางไปฝึกซ้อมและแข่งที่สเปนต่อไป
เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทุกคนได้ยิน ได้ฟัง และรับรู้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว เกี่ยวกับวัคซีนที่เราฉีดกันไปแต่แรก อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผลจริงๆในทางปฏิบัติ
ระยะหลังๆก็มีการบอกกล่าวเล่าต่อว่า มีการยอมรับวัคซีนที่คนไทยหลายคนฉีดกันไปในลักษณะนี้หมดแล้ว จนชักจะลืมกันไปหมด แต่นี่ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า มันยังเป็นปัญหาอยู่
นั่นเท่ากับว่านักกีฬาก็ดี รวมทั้งผู้คนทั่วไปจำนวนไม่น้อยที่จำเป็นจะต้องเดินทาง แม้ไม่เกี่ยวกับ “โอมิครอน” โดยตรง ต้องมีเข็ม 4 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรศึกษาประเทศปลายทางกันให้ดี และอนาคตหากวัคซีนป้องกันโอมิครอนโดยตรงออกมาใช้ จำเป็นต้องฉีดเพิ่มกันอีกหรือไม่
ชาติอื่นเขาฉีดกี่เข็มบ้างไม่รู้ เราคงเหนือกว่าแน่ เป็นนักกีฬาไทยจะไปแข่งได้ก็ต้องแขน พรุนกันนิด...
“เบี้ยหงาย”