บี บางปะกง
ลูกหนังไทยลีก เวอร์ชันยุโรป ฤดูกาล 2020-21 กลับมารีสตาร์ต ฟาดแข้งกันแบบเต็มแม็กซ์เรียบร้อยแล้ว
จากนี้ไปทุกสโมสรจะต้องเจอโปรแกรมหฤโหด (โคตร) ถี่ยิบ แบบไม่ต้องหายใจหายคอ เพื่อเร่งให้ซีซั่นนี้จบลงให้ได้ในช่วงปลายเดือนหน้า มี.ค.
ซึ่งคิวเตะ "นันสต๊อป" แบบนี้ ถ้าเป็นสโมสรใหญ่เงินถุงเงินถัง ที่มีนักเตะไว้โรเตชั่นแต่ละเกมเป็นกุรุส ก็คงไม่สะเทือนซางเท่าไรหรอก
แต่ถ้าเป็นทีมระดับกลาง ไปจนถึงระดับล่างที่เบี้ยน้อย หอยน้อย ล่ะก็..
เตรียมคางเหลืองกันได้เลยครับทั่น!!
เอาเป็นว่าตารางคะแนนตอนนี้... มันก็บอกอะไรหลายอย่างได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะ
เพราะอันดับ 1 ถึง 4 ล้วนแต่เป็น "บิ๊กโฟร์" ล้วนๆ
ไล่ตั้งแต่ จ่าฝูงผู้ไม่เคยแพ้ใคร "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ที่เพิ่งบุกไปทุบ โปลิศเทโร 2-0 ทำแต้มห่างอันดับ 2 อยู่ที่ 7 คะแนน
ขณะที่พระรองอย่าง "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี ก็ไม่พลาดที่จะเก็บ 3 แต้มในบ้านตัวเอง แม้จะเฉือนชนะ สุโขทัย อย่างฉิวเฉียด 1-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็ตาม
ส่วนอันดับ 3 ก็มาตามนัดได้จริงๆ สำหรับ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ที่เริ่มโชว์ฟอร์ม "ม้าตีนปลาย" ในช่วงเลกหลังอีกเหมือนเคย หลังพวกเขากำราบทีมเยือน ราชบุรี มิตรผล ขาดลอย 3-0
และที่ 4 ซึ่งมีแต้มเกาะติดแข้งเซราะกราว แถมเตะน้อยกว่า 1 นัด ก็คือ "แชมป์เก่า" สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่บุกไปเอาชนะ ตราด เอฟซี ถึงถิ่น 3-1
สำหรับไฮไลต์ของเกมรีสตาร์ตไทยลีกในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะอยู่ที่สนามบุณยะจินดา ซึ่งเจ้าบ้าน โปลิศ เทโร เจอศึกหนักกับ "เดอะ แรบบิท" ทีมนำอันดับ 1 ที่ฟอร์มแกร่งทั่วแผ่น จนหาจุดอ่อนไม่เจอ
และผลการฟาดแข้งก็ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย เมื่อ บีจี บุกไปคว้าชัยสบายๆ โดยได้ 2 ประตู จาก 2 ดาวยิงระดับตำนาน
เริ่มจาก "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ตำนานกองหน้าทีมชาติไทยยุคใหม่ ที่ใช้เวลาเพียง 16 นาที ประเดิมลูกแรกในสีเสื้อ บีจี ได้เป็นผลสำเร็จ
นับเป็นการออกสตาร์ตการคัมแบ็กกลับมาค้าแข้งในเมืองไทย (อีกครั้ง) อย่างงดงาม
หลังจากที่กระต่ายแก้ว ลงทุนซื้อเจ้าตัวจาก ชิมิสึ เอสพัลส์ ในเจลีกญี่ปุ่น เพื่อมาเสริมเขี้ยวเล็บในการไล่ล่าแชมป์ไทยลีกฤดูนี้ให้จงได้
นี่คือประตูที่ 118 ในไทยลีกของ ธีรศิลป์ หลังจาก 12 ปีที่เขาล่าตาข่ายให้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรเดียวในบ้านเรามาโดยตลอด
ซึ่งเมื่อรวมทุกรายการแล้ว เจ้าตัวทำประตูให้กิเลนได้ถึง 166 ประตู
แต่ถือเป็นการออกสตาร์ตนับ 1 กับ บีจี อย่างเป็นทางการ
นับแต่นี้เป็นต้นไป...เชื่อว่าสกอร์ของ "เจ้ามุ้ย" กับจ่าฝูงไทยลีก จะไหลมาเทมาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวได้มาจับคู่ประสานงานกับ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ในแดนหน้าอย่างลงตัวเป็นที่สุด
ขณะที่ประตูที่สองของ บีจี ได้มาจากการตะบันอย่างสุดสวยของ "ชาตรี ฉิมทะเล" ดาวเตะลายคราม วัย 37 ปี ที่ปัจจุบันโยกจากศูนย์หน้าอาชีพมารับหน้าที่กองหลังอย่างเต็มตัว
โดยประตูนี้ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ ที่ทำให้ตำนานลูกหนังผู้รับใช้ บางกอกกล๊าส มาอย่างยาวนานนับทศวรรษ ตั้งแต่เริ่มต้นในถ้วย ง.
ซัลโวตาข่ายได้ครบ 100 ลูกพอดิบพอดี เป็นคนแรกของสโมสร
ซึ่งประตูแรกที่ ชาตรี ซัลโวให้กระต่ายแก้ว ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ในเกมกับ พัทยา ยูไนเต็ด
และเจ้าตัวยิงครบ 99 ประตู มาตั้งแต่ปี 2019 ก่อนจะรอลูกที่ 100 มาอย่างยาวนานเป็นปี และสามารถทำสำเร็จจนได้ในเกมนี้
เรียกว่าเป็น 2 ประตู ‘จาก 1 ถึง 100’ ที่มีความหมายยิ่ง กับแข้งระดับตำนานของเมืองไทยทั้ง 2 คน
ที่กำลังจะช่วยกันจารึกตำนานบทใหม่ให้ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด”
เถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทยเป็นหนแรก
ในอีกไม่ช้า..ไม่นาน!!!
บี บางปะกง