หน้าแรกแกลเลอรี่

จักรกริช บุญคำ: ผมยังต้องเรียนรู้ เพื่อพิสูจน์ฝีมือในฐานะเฮดโค้ช

ไทยรัฐออนไลน์

29 พ.ย. 2563 13:00 น.

แม้ “เจ” จักรกริช บุญคำ จะเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์โชกโชนคนหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย ผ่านร้อนผ่านหนาวกับสโมสร โอสถสภา, การท่าเรือ เอฟซี, บีอีซี เทโรศาสน, สุพรรณบุรี เอฟซี, แพร่ ยูไนเต็ด และขอนแก่น เอฟซี แถมเคยคว้าแชมป์ ควีนส์คัพ 3 สมัย, ถ้วย ก. 2 สมัย, โตโยต้า ลีกคัพ 1 สมัย

แถมยังพกดีกรีทีมชาติไทยมาแล้ว แต่การผันตัวมาทำหน้าที่ข้างสนามในฐานะ “กุนซือ” ย่อมไม่ใช่งานที่ง่ายแน่นอน

ดังนั้นการเข้าอบรมหลักสูตร บี ไลเซนส์ AFC 'B' Certificate Coaching Course ตามโครงการพิเศษ "เพื่อฟุตบอลไทย เราไปด้วยกัน" จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพของการเป็นผู้ฝึกสอนได้ดีขึ้น

“ผมอยากเอาความรู้ไปพัฒนาสโมสร เพราะตอนนี้ผมทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนอยู่” กุนซือป้ายแดงของสโมสรราชประชา ในไทยลีก 3 กล่าวเริ่ม

“ผมเรียน ซี ไลเซนส์ มาแล้ว ตอนนี้ผมคิดว่าเป็นจังหวะที่สมาคมฯ เปิดครอสอบรม บี ไลเซนส์ ทันที จึงตัดสินใจเข้าเรียน หวังว่าจะได้ประสบการณ์ดีๆ จากการอบรมครั้งนี้”

ส่วนแนวทางการเป็นกุนซือนั้น จักรกริช ได้เปิดเผยว่ามี “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน อดีตกองกลางระดับตำนานของประเทศไทย เป็นแม่แบบ”

“ผมเคยร่วมงานกับ โค้ชแบน สมัยเป็นนักเตะ พี่แบน เป็นคนที่มีวินัยมาก เคยมีครั้งหนึ่งเรามีซ้อมตอน 16.30 น. แต่ พี่แบน มารอตั้งแต่บ่าย 2”

“เป้าหมายในการเรียนครั้งนี้ก็ต้องพยายามเก็บความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาตัวเองในการเป็นผู้ฝึกสอนต่อไปครับ”

สำหรับผู้ฝึกสอนที่จบหลักสูตรระดับ “บี ไลเซนส์” จะสามารถทำหน้าที่ในระดับอาชีพ อาทิ การเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในระดับ โตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1) หรือ การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ในระดับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2)

จากนั้นเมื่อมีประสบการณ์ทำงานครบ 1 ปี ในการทำหน้าที่ สามารถเข้าอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนในระดับ “เอ ไลเซนส์” หรือ AFC 'A' Certificate Coaching Course ได้ต่อไป.