แม่ลูกจันทร์
เริ่มต้นดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง !!
เปิดฉากอย่างเร้าใจสุดๆ ไปเลยครับ สำหรับขุนพลช้างศึก ทีมชาติไทย
ที่ประเดิมสนามในศึกลูกหนังชิงแชมป์อาเซียน 2024 ด้วยการไล่ยิงสลุตเอาชนะ ติมอร์ เลสเต ไปอย่างสนุกเท้า 10-0
นับเป็นสถิติชนะคู่แข่งด้วยสกอร์ที่ห่างที่สุด ในประวัติศาสตร์ของทีมชาติไทย
เท่ากับการชนะบรูไน 10 ประตู ต่อ 0 ที่เคยทำได้ ในรายการเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก เมื่อปี 1971 โน่น
ชัยชนะด้วยสกอร์มโหฬารครั้งนี้ ถือเป็นการระบายความอัดอั้นของแข้งช้างศึกรุ่นใหม่ ภายใต้การนำทัพของกุนซือ มาซาทาดะ อิชิอิ
หลังจากโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลไปพอสมควร
ที่เอาชนะคู่แข่งไม่ได้เลยทั้ง 2 เกมฟีฟ่าเดย์เดือน พ.ย. ซึ่งเสมอทั้ง เลบานน และ สปป.ลาว จนฟีฟ่าแรงกิ้งร่วงมาหนึ่งอันดับ
สิ่งที่น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่งของนักเตะไทยชุดนี้ นอกจากความเฉียบคมในการทะลวงตาข่ายแล้ว
ก็คือความมุ่งมั่น กระตือรือล้น ในเกมรุก อย่างต่อเนื่อง
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาต่อบอลบุก ลุยไปข้างหน้า ไม่มีการเสียเวลาจ่ายลูกคืนหลัง ให้คนดูต้องเสียอารมณ์ เหมือนที่เคยมา
ซึ่งตรงนี้ต้องชื่นชมการปลูกฝังทัศนคติที่ดีเยี่ยมของ โค้ชอิชิอิ ให้แก่ลูกทีมทุกคน
เพราะฟุตบอลสมัยนี้ ยังไงต้องเน้นเกม“เอ็นเตอร์เทนส์”เป็นหลัก เพื่อเรียกเรตติ้ง และแฟนบอลให้เข้ามาเชียร์ในสนามกันเยอะๆ
โดยนักเตะช้างศึก ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเข้าตาในเกมนี้มีอยู่หลายคน
แต่ที่โดดเด่นมากที่สุด ก็คือ “เจ้าแบงก์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เบิ้ลคนเดียว 2 ลูก บวกกับอีกหนึ่งแอสซิสต์ และน่าจะทำแฮตทริก ได้ด้วยซ้ำ
เป็นผู้จุดระเบิดในเกมรุกให้ทีมชาติไทยอย่างแท้จริง พยายามสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา ทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอล
เรียกว่าเกมรุกของทีมชาติยุคใหม่ ยังไงต้องมี “เจ้าแบงค์” ยืนเป็นตัวหลัก
รองลงมา คือ “เบน เดวิส” ที่ประเดิมสนามให้ทีมช้างศึกชุดใหญ่ ด้วยความมั่นใจสุดขีด นอกจากกระทุ้งคนเดียว 2 ประตูแล้ว
ลีลาการเล่นในสนาม ยังไม่ทำให้พ่อยกแม่ยกต้องผิดหวัง
เสียดายที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกเสียก่อน ไม่งั้นเจ้าตัวได้โชว์ฟอร์มกระฉูดแตก กว่านี้แน่!
ส่วนอีกคนที่น่าสนใจ คือ “พาตริก กุสตาฟส์สัน” ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และทำหน้าที่หน้าเป้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งยิงและจ่าย
อย่างนี้แฟนกิเลนผยองคงชอบใจกันยกใหญ่ หลังจาก บีจี ปล่อยยืมตัวมากระซวกตาข่ายให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเลกที่สอง เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่แนวรับ “ลูกโซ่” นิโคลัส มิคเกลสัน วิงแบ็คพลังม้า ก็ยังคงยอดเยี่ยมตามมาตรฐานตัวเอง แม้จะถูกจับไปยืนฝั่งซ้าย ที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด
แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ
วิ่งขึ้นสุดลงสุดช่วยทีมทั้งรับและรุกแบบไม่มีเหน็ดเหนือย แถมยังทำประตูปิดท้ายได้อีกต่างหาก
เช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่นๆ รวมทั้งตัวสำรอง ทั้ง เสกสรรค์ ราตรี และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ถูกเปลี่ยนลงมาส่องคนละ 2 ลูกในครึ่งหลีง
ก็ถือเป็น “ซูเปอร์ซับ” ชั้นเลิศ ที่สร้างอิมแพ็คในเกมรุกให้กับทีม ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สรุปว่าผลงานในเกมแรก ทุกคนถือว่า “สอบผ่าน” ในระดับที่น่าพอใจ
แม้ว่า ติมอร์ฯ จะยังไม่ใช่คู่แข่ง ที่ใช้วัดมาตรฐานฝีเท้า อะไรได้มากนัก
แต่ก็เหมาะสมแล้ว กับทีมชาติไทย ที่การเตรียมทีมยังไม่เต็มร้อย
ยังรอขุมกำลัง ‘เกรดเอ’ มาเสริมทัพให้สมบูรณ์เต็มที่ ในนัดต่อๆไป
เพราะทัวร์นาเมนต์ยาวๆ อย่าง “อาเซี่ยนคัพ” ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์
เกมฟาดแข้งในรอบแบ่งกลุ่ม เขาถือว่าเป็นเกมอุ่นเครื่อง ลับแข้งของทีมช้างศึก เรียกน้ำย่อย กันไปก่อน
ส่วนศึกใหญ่ ที่ต้องแตกหักกันจริงๆ จะเริ่มขึ้นใน “รอบตัดเชือก”
ที่น่าจะมี เวียดนาม กับ อินโดนีเซีย เป็นคู่ต่อกร นั่นแหละ ถึงจะเรียกว่า...ของจริง
อย่างไรก็ตามการเปิดหัวด้วยการถล่มติมอร์ฯ ถึงสิบลูก ก็ต้องถือไม่ธรรมดา
โบราณว่าไว้ “เริ่มต้นดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง”
ผมยังเชื่ออย่างนั้นนะครับ !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com