หน้าแรกแกลเลอรี่

6 เดือน ‘นายกแป้ง’

บี บางปะกง

7 ก.ย. 2567 06:00 น.

6 เดือน ‘นายกแป้ง’
          
หลังจาก “นายกแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผงาดขึ้นนั่งเก้าอี้ประมุขลูกหนังไทย พร้อมด้วยสภากรรมการชุดคุณภาพ หากนับเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 6 เดือนแล้ว

ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวหากจะส่องไปที่ความเปลี่ยนแปลงหรือเป็นไปตามความคาดหวังของสาวกลูกหนังหรือไม่ คาดว่าคอบอลหรือผู้ที่ติดตามข่าวสารทางการกีฬาก็คงจะประเมินได้
 
6 เดือนกับการบริหารจัดการแน่นอนจากผลงานและปรากฎการณ์ที่ส่งผลให้เห็นเชื่อว่านายกฯและทีมงานคงจะมีการประเมินถึงความเป็นมา และการเดินหน้าสู่อนาคต

ต่อกรณีการประเมินหากส่องไปที่เสียงสะท้อนของคนในสังคม โดยเฉพาะคนกีฬาหากคลี่ไปที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของ KBU SPORT POLL มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ที่ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ผนึกกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM)

สำรวจเรื่อง “6 เดือนกับผลงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ”ก็พอจะฉายภาพให้เห็นในบางมิติได้เช่นกัน
       
ซึ่งเมื่อเจาะไปที่ผลงานเห็นว่าที่เข้าตาประชาชน ส่วนใหญ่จะยกให้ ความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกสมาคม มาเป็นอันดับแรก ต่อด้วย การเตรียมพัฒนาและยกระดับไทยลีก การเตรียมพัฒนาและยกระดับทีมชาติ และอื่นๆ

ขณะที่ ความคาดหวังที่มีต่อการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งในประเด็นนี้ถือว่าเป็นมิติที่สำคัญสำหรับการกำหนดทิศทางอนาคตวงการลูกหนังไทย และ ส่วนใหญ่คาดหวังไปที่การวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาระดับเยาวชน

ตามด้วย การพัฒนาและเตรียมทีมชาติทุกระดับอย่างเป็นระบบ  การพัฒนาและยกระดับไทยลีกสู่มาตรฐานสากล  ความอิสระในการบริหารจัดการ การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผู้ตัดสิน และอื่นๆตามลำดับ   

อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลา 6 เดือนของการบริหารจัดการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การนำของนายหญิง อย่าง คุณนวลพรรณ ล่ำซำ นั้น

หากผู้นำหรือทีมงานนำผลการสำรวจผนวกกับมุมมองที่สื่อมวลชนได้วิพากษ์และเสนอแนะตลอดจนสัญญาณที่สภากาแฟทั่วทิศกระชับวงล้อมปันความคิดร่วมกัน

ก็พอจะประเมินได้ว่าทิศทางอนาคตวงการลูกหนังไทยจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงและมีการยกระดับสู่มาตรฐานสากลในทุกภาคส่วนได้แค่ไหน

ที่น่าสนใจโจทย์การพัฒนาที่จะนำไปสู่ความสำเร็จนอกจากยุทธศาสตร์หรือพิมพ์เขียวที่สมาคมยกร่างไม่ว่าจะสวยหรูดูดีมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่หากผู้เกี่ยวข้องไม่ทำการบ้านและนำไปสู่การปฏิบัติให้จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง

ก็อย่าหวังว่าบอลไทยจะก้ามข้ามกำแพงหรือขวากหนามดังที่เคยเผชิญมาก่อนหน้านี้ได้

หนึ่งในการบ้านที่จะยกระดับให้บอลไทยไปโลดได้นอกจากแผนงาน/โครงการที่สังเคราะห์มาจากพิมพ์เขียวแล้วการฟังความรอบด้านด้วยการนำฐานข้อมูลจากผลการศึกษาวิจัย ตลอดจนช่องทางต่างๆมาถอดบทเรียนก็ถือว่าสภากรรมการหรือผู้รับผิดชอบพึงที่จะตระหนัก

การนำฐานข้อมูลทางวิชาการมาถอดบทเรียนสู่การปฏิบัติที่พอจะอ้างอิงได้ ณ วันนี้ก็คงจะย้อนไปที่กรณีศึกษาในงานดีเบต วิสัยทัศน์ว่าที่นายกสมาคมกีฬาลูกหนังเรื่อง “อาสาพัฒนาบอลไทย” (Change Together) ที่ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตผนึกกับภาคีเครือข่ายสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬาไทยด้วยการเปิดเวทีเสวนาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567

ต่อด้วยไทยพีบีเอสระดมกูรูลูกหนังและนักวิชาการตลอดจนสื่อมวลชนร่วมเสวนาเรื่อง “บอลไทย Never Dies by Thai PBS” เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธุ 2567
การเสวนาทั้ง2รายการพบว่ามีสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและยกระดับวงการกีฬาลูกหนังไทยเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้เพราะแก่นแท้ที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่งมากประสบการณ์และเกาะติดกับวงการได้สะท้อนออกมานั้นถือว่ามีคุณค่ายิ่งต่อวงการลูกหนังไทย

จากนี้ไปทิศทางอนาคตบอลไทยจะก้าวหลุมดำหรือทะยานไปสู่มาตรฐานสากลดังที่ชาติอื่นประสบความสำเร็จ

คงจะอยู่ในมือของนายใหญ่และสภากรรมการตลอดจนทีมที่ปรึกษาเท่านั้น...คือผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด

OOOOOOOO
                                                                        
อาจารย์ รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ปันความคิดผ่านบทความมาถึงผม เพื่อเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของ “นายกแป้ง”ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดในการบริหารสมาคมฯของประมุขหญิงเหล็กผู้นี้ คือ...ความมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อยในการพัฒนาฟุตบอลไทย

ซึ่งแฟนบอลได้เห็น...เป็นที่ประจักษ์ อย่างชัดเจนแล้ว!

ต่อไปนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องคอยติดตามดูอย่างไม่กระพริบตา ก็เป็นเรื่องของฝีไม้ลายมือในการบริหารรัฐนาวาลูกหนัง

ที่เป็นโจทย์ยาก (มาก) และท้าทายความสามารถ ที่กำลังรออยู่ในเบื้องหน้า...อย่างเลี่ยงไม่ได้ !!!

- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com