แม่ลูกจันทร์
กระชับวงล้อมปันความคิด “ทำได้ ทำจริง”
พลันที่ทัพช้างศึกพลาดท่าไม่ได้ไปต่อในการดวลแข้งศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทำให้เกิดกระแสหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ตามมาอย่างหลากหลาย
และหนึ่งในมิติที่น่าสนใจคือการแสดงทัศนะที่เป็นผลบวกต่อสมาคมกีฬาลูกหนังโดยเฉพาะข้อเสนอแนะสำหรับการขับเคลื่อนเพื่อให้บอลไทยได้ก้าวไกลสู่อนาคต
แนวทางหรือมุมมองที่ผู้สันทัดกรณีต่อวงการลูกหนังได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางหรือเข็มมุ่ง สำหรับการเดินหน้าเพื่อพัฒนาและยกระดับบอลไทยให้ก้าวผ่านวังวนเดิมหรือหลุมดำดังที่ผ่านมา ถือได้ว่าเสียงสะท้อนดังกล่าวล้วนแล้วเป็นคุณต่อวงการลูกหนังไทยทั้งสิ้น
คำกล่าวที่ว่า “ชาติไหนบอลไทยจะได้ไปบอลโลก” ซึ่งเป็นโจทย์และคำถามที่คาใจแฟนๆ มาอย่างต่อเนื่องคงจะหมดไป ถ้าสมาคมกีฬาลูกหนังซึ่งมีจอมทัพหรือผู้นำที่มุ่งมั่นและทุ่มเทอย่าง “มาดามแป้ง” ในฐานะนายใหญ่ผู้ที่มีพลังการขับเคลื่อนเป็นทุนเดิม เร่งเครื่องปักหมุดด้วยการเอาจริงเอาจังภายใต้ แนวคิด “ทำได้ ทำจริง” คาดว่าคำถามหรือโจทย์ดังกล่าวก็อาจจะคลายข้อสงสัยให้กับแฟนลูกหนังได้ในระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกันหากส่องไปที่วลีที่ว่า “ชาติไหนบอลไทยจะได้ไปบอลโลก” หากย้อนไปคลี่ในบทความเรื่อง “เราจะไปบอลโลก (ในชาตินี้)” ที่ บี บางปะกง คอลัมน์นิสต์กีฬาลูกหนังชื่อดัง ได้สะท้อนผ่าน Sport Insider กีฬาไทยรัฐออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าสาระสำคัญตลอดจนมุมมองที่สื่อกีฬาคนดังกล่าวฉายภาพให้เห็น ถือได้ว่าตอบโจทย์และเป็นคำตอบที่ไม่ต้องขยายความกับการก้าวไปสู่สมรภูมิลูกหนังโลกของทัพไทยในอนาคต
วันนี้ทิศทางลูกหนังไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากวังวนเดิมที่ไม่สามารถพัฒนาและต่อยอดให้ทัพนักเตะไทยทุกชุดทะยานไปสู่เป้าหมายดังที่แฟนบอลคาดหวัง ผนวกกับการได้มาซึ่งสภากรรมการชุดใหม่ภายใต้ความเชื่อมั่นของคอกีฬา “การทำได้ ทำจริง” เพื่อเดินหน้าในการพัฒนาและยกระดับให้บอลไทยก้าวสู่มาตรฐานสากลดังที่ชาติอื่นก้าวไปก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นโจทย์และการบ้านที่ “นายกแป้ง” และทีมงานต้องนำไปขบคิด
การบริหารจัดการด้วยการนำนโยบาย ตลอดจนยุทธศาสตร์หรือพิมพ์เขียวสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นหนึ่งในมิติที่สมาคมโดยสภากรรมการต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ต่อกรณีการแสวงหาโอกาสสำหรับนำทัพไทยสู่เวทีลูกหนังโลก หากส่องไปที่กระบวนการหรือยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ตลอดจนชาติในตะวันออกกลาง รวมทั้งเพื่อนบ้านเราอย่างนักเตะการูด้า อินโดนีเซีย ที่กำลังมาแรงแซงดาวทองเวียดนามอยู่ในขณะนี้ ก็น่าจะเป็นกระจกเงาให้สมาคมกีฬาลูกหนังได้นำมาศึกษาและเข้าสู่กระบวนการ “ทำได้ ทำจริง” ในเร็ววัน
ที่น่าสนใจหากมองถึงต้นทุนและทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงิน บุคลากรและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการปักหมุดให้ทัพนักเตะไทยก้าวสู่เวทีลูกหนังโลก ต้องยอมรับว่าด้วยสรรพสิ่งที่มีอยู่ ไทยเราไม่เป็นสองรองใคร ที่จะขาดก็อาจจะมีแต่เพียงการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าประสงค์เท่านั้นที่ยังไม่สามารถจับต้องได้มากนัก
การวางระบบ ด้วยรากฐานที่เข้มแข็งภายใต้กระบวนการที่ตอบโจทย์วิถีลูกหนังโลกในยุคดิจิทัล ครั้นจะส่งการบ้านให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินหน้าแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่หากขาดซึ่งเรือธงโดยเฉพาะรัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาหนุนหลังด้วยแล้ว
วลีที่ว่า “ชาติไหนบอลไทยจะได้ไปบอลโลก” ก็คงตามมาหลอกหลอนคอกีฬาลูกหนังไทยอยู่ร่ำไป
รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร