ไทยรัฐออนไลน์
มาซาทาดะ อิชิอิ ชี้วิธียกระดับ “ทีมชาติไทย” ยกตัวอย่าง “ญี่ปุ่น” กว่าจะเป็นทีมระดับท็อป ก็หลังจากก่อตั้งลีกมา 30 ปี
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67 เว็บไซต์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า เผยแพร่ บทสัมภาษณ์ของ มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย เกี่ยวกับเป้าหมายในการพาทีมไปฟุตบอลโลก พร้อมเฉลยสิ่งที่ประทับใจในฟุตบอลไทย
มาซาทาดะ อิชิอิ โดนยิงคำถามเข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีประสบการณ์มากมายกับสโมสรในประเทศ อะไรทำให้คุณประทับใจอะไรในฟุตบอลไทย
อิชิอิ ตอบว่า “สมัยที่ผมค้าแข้งในเจลีก เรามีโอกาสได้เจอทีมจากไทยบ้างเล็กน้อย ในเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก และจำได้ว่านักเตะไทยมีความแข็งแกร่งมาก ทั้งในการเล่นเกมรุก และเกมรับ”
“พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตัวต่อตัวมากกว่า หากเทียบกับนักเตะญี่ปุ่น แต่การประสานงานกันระหว่างนักเตะยังต้องดีขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งผมมองว่าการที่มีนักเตะไทยมาค้าแข้งในเจลีก มันช่วยได้มาก และนักเตะไทยในเจลีกก็สามารถนำสิ่งที่เขาได้รับจากเจลีก ไปใช้กับทีมชาติบ้านเกิดได้”
หลังจากนั้น อิชิอิ ก็โดนถามว่า ตั้งแต่เข้ามาคุมทีมชาติไทย คุณได้โอกาสทดสอบตัวเองในการเจอกับทีมชั้นนำในเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น คุณคิดว่า ไทย จะสามารถไปถึงจุดนี้ในอนาคตได้หรือไม่ เพราะอะไร
อิชิอิ ตอบว่า “ทุกอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา ยกตัวอย่างญี่ปุ่น เพิ่งขยับขึ้นมาหลังจากที่ก่อตั้งเจลีกมาได้ 30 ปี ผมคิดว่าไทยเองก็สามารถทำได้เหมือนกัน เราต้องพยายามยกระดับฟุตบอลไทยลีก และต้องมีโค้ชและสโมสรที่เข้าใจภาพรวมของการพัฒนาฟุตบอลไทย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน”
“ทุกคนที่มีส่วนในฟุตบอลไทย ต้องพยายามร่วมกัน หาวิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนทีมชาติของเรา และสร้างเป้าหมายที่สูงไว้ก่อน และที่สำคัญคือเรื่องวิสัยทัศน์ ตั้งแต่ผมมาคุมทีม ผมได้เน้นย้ำเรื่องการตั้งเป้าหมายในฟุตบอลโลก นี่คือเป้าหมายหลักที่ชัดเจนที่สุดในการกำหนดวิสัยทัศน์ของเรา”
การเพิ่มจำนวนทีมเข้าร่วมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็น 48 ทีม ทำให้ไทยดูเหมือนจะมีโอกาสที่ดี มันเป็นตัวแปรในการเพิ่มความคาดหวังหรือไม่
เรื่องนี้ อิชิอิ ตอบว่า “มีเสียงสะท้อน และสนับสนุนเราอย่างมาก ตอนที่เดินทางไปเกาหลีใต้ พูดตามตรงว่าเรายังไม่สามารถยกระดับไปเทียบกับเกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่นได้”
“ไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ อันดับ 20 ของเอเชีย นั่นหมายความว่าเราจะต้องเจอกับทีมที่เหนือกว่า และสู้เพื่อไปฟุตบอลโลก ไม่มีใครจะบอกว่ามันเป็นเรื่องง่าย แต่ตราบใดที่เรามีโอกาส แม้จะน้อยสักแค่ไหน ผมก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ต่อไป”