บี บางปะกง
สู่ทีมคั่วแชมป์!!
สมใจนึกบางลำภูจริงๆ ครับ
กับผลงานของโค้ช มาซาทาดะ อิชิอิ ในการประเดิมสนามศึกเอเชียนคัพ 2023
ด้วยชัยชนะอันงดงามของทีมชาติไทย ที่มีเหนือ คีร์กีซสถาน ทีมอันดับ 98 ของโลก 2-0
ส่งให้แข้งช้างศึกคว้าแต้มฟีฟ่าแรงกิ้งไปเต็มๆ 18.99 คะแนน
อันจะส่งผลบวกต่อการขยับอันดับโลกจากที่ 113 ในปัจจุบันให้ดีขึ้นค่อนข้างแน่
ที่สำคัญยังเป็นการปลดล็อกประวัติศาสตร์ 51 ปี
ที่เราไม่เคยเอาชนะคู่แข่งในเกมแรกของศึกชิงเจ้าเอเชียรอบสุดท้ายได้เลย ตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมา ลงได้สำเร็จเสียที
ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น ต้องเรียนตามตรงว่าตัวผมเอง และแฟนบอลส่วนใหญ่ไม่ค่อยมั่นใจหรอกครับ
ว่าผลงานของทีมช้างศึกจะออกหัว หรือก้อย
เพราะห่วงเรื่องการเตรียมทีมอันน้อยนิดกว่าใครเขาเพื่อน
จะทำให้เราขาดซึ่งความพร้อมในการทำศึกใหญ่ระดับทวีปอย่างนี้
แต่ที่ไหนได้ ด้วย “กึ๋น” การวางหมากแก้ปัญหาอันชาญฉลาดของกุนซืออิชิอิ
ด้วยการเน้นส่งผู้เล่นที่เคยร่วมงานกันมาก่อน ทั้งในทีม สมุทรปราการ ซิตี้ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ลงสนามเป็นตัวจริงถึง 7 คน ในแต่ละตำแหน่ง ตั้งแต่ประตู ยันกองหน้า
ทำให้ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในการเล่นแทบไม่มีให้เห็นเลย
หนำซำ้เรื่องของความเข้าอกเข้าใจในการถ่ายทอดกลยุทธ์ และแท็กติกต่างๆ ในสนาม ก็ยังทำได้อย่างเนียนตาอีกต่างหาก
นั่นคือการแสดงให้เห็นถึงความเป็น “ยอดโค้ช”
ที่มีอะไรเหนือกว่า โค้ชธรรมดาทั้งหลาย ซึ่งเห็นกันอยู่ดาษดื่นตามท้องตลาดอย่างชัดเจน!
เห็นอย่างนี้แล้วเสียดายเวลาไหมล่ะครับ!
ถ้าเราตัดสินใจเปลี่ยนกุนซือทีมชาติหลังจบศึกคิงส์คัพเมื่อปีที่แล้ว ตามแผนที่วางไว้ตอนแรก
สถานการณ์ในศึกคัดบอลโลกของทีมชาติไทยใน 2 เกมแรก ก็น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่
แต่บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทุกอย่างมันเป็นอดีตให้เราได้เก็บไว้เป็นบทเรียนกันบ้างแล้ว
ต่อไปนี้อนาคตของทีมลูกหนังชาติไทย คงต้องฝากไว้กับยอดโค้ชซามูไรผู้นี้แบบเต็มๆ
ซึ่งคงไม่ใช่แค่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เท่านั้น...ที่เราจะมองเห็น
แต่เชื่อว่า แสงสว่างของบอลไทยตอนนี้ น่าจะอยู่ที่ “กลางอุโมงค์” กันได้เลยทีเดียว
ถ้ามองถึงแนวทางการทำทีมชาติของอิชิอินับจากนี้ไป
ซึ่งในแมตช์เฆี่ยน คีร์กีซสถาน นอกจากการประสานงานอันไหลลื่นของแนวรุก “สามสุภ” ศุภชัย-ศุภณัฏฐ์-สุภโชค
ที่ก่อให้เกิดสกอร์เบิ้ลทั้ง 2 ประตู จาก “เจ้าอาม” ศุภชัย ใจเด็ด ที่ก่อนหน้านี้ฟอร์มฝืดมาตลอดในสีเสื้อทีมชาติ
นักเตะอีกคนที่สำแดงฝีเท้าออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดจริงๆ
ก็คือ “เจ้าเตอร์” วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กลางรับตัวกลั่นของ เมืองทอง ยูไนเต็ด
ที่ทำหน้าที่ทั้งรับ และรุกในแดนมิดฟิลด์ ได้อย่างเนียนตาแทบทุกจังหวะ
ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่หวือหวา แต่แน่นอนเชื่อใจได้
ทั้งยืนคุมพื้นที่รับผิดชอบอย่างไม่มีผิดพลาด ครองบอลเหนียวแน่น จ่ายบอลแม่นยำ
ที่สำคัญเล่นตามแผนที่โค้ชสั่งลงไป...ได้อย่างน่าชื่นชมที่สุด
ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นกองกลางเบอร์ต้นๆ ของประเทศ
ที่คาดว่าโค้ชอิชิอิจะเลือกใช้เป็นแกนหลักของทีมช้างศึกในยุคของเขาไปอีกนาน
และไม่น่าแปลกใจที่ตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีกในทุกๆ รอบ จะต้องปรากฏชื่อของ วีระเทพ อยู่ในลิสต์แข้งเนื้อหอมไม่เคยขาด
เช่นเดียวกับรอบนี้ก็เหมือนกัน ข่าวคราวการดึงตัวนักเตะที่คนสนใจมากที่สุด
ก็หนีไม่พ้นการที่ “จารย์เตอร์” ถูกทาบทามจากบิ๊กทีมที่ลุ้นคั่วแชมป์ลีกไทย
ให้ไปเสริมทัพในเลกสองอย่างจริงจัง
โดยล่าสุดผมทราบมาว่าทางท่านประธานสโมสรของทีมยักษ์ใหญ่
ถึงขนาดลงทุนยกหูไปหาบิ๊กบอส ระวิ โหลทอง ด้วยตัวเอง
ดังนั้นถ้าการเจรจาทุกอย่าง...ไม่มีอะไรผิดพลาดไปจากนี้
หลังเสร็จภารกิจเอเชียนคัพ เราคงได้เห็นบิ๊กดีลระหว่าง 2 สโมสรแดง-ดำ เกิดขึ้น (อีกครั้ง)
เพราะความปรารถนาในใจของนายใหญ่กิเลนผยองแล้ว
อยากจะเห็นทีมพันธมิตร...คว้าแชมป์ไทยลีก ให้ได้ดูเป็นบุญตา
มากกว่าแชมป์หน้าเดิมๆ ซึ่งเขาเบื่อกันหมดแล้ว!!!
บี บางปะกง
joggingboy_be@yahoo.com