หน้าแรกแกลเลอรี่

กระจกเอเชียนคัพ

เบี้ยหงาย

10 ม.ค. 2567 04:30 น.

ฟุตบอลเอเชียนคัพ ใกล้จะเตะเต็มทน แต่ทีมไทยเราซึ่งอยู่กลุ่มเอฟ จะลงสนามนัดแรกหลังกว่าชาติอื่นหน่อย นัดแรกพบ คีร์กีซสถาน น่าจะเป็นแมตช์ที่เบาสุดแล้ว ในวันที่ 16 ม.ค. เท่ากับมีเวลาอีกราวๆ 7 วัน ในการเตรียมตัว

โดยทีมไทยเรานั้นจะเดินทางไปกาตาร์ในวันที่ 11 ม.ค. นับเป็นชาติสุดท้ายก็ว่าได้ ชาติอื่นเขาไปกันหมดแล้ว บางทีมก็เข้ากาตาร์ ต่อไปอุ่นเครื่องกับทีมแถบอาหรับ วนเวียนปรับสภาพอยู่แถวนั้นมานานแล้ว ยกตัวอย่าง คีร์กีซสถาน ที่จะเจอกับเรานัดแรก ไปตั้งแต่วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2566 ไปซ้อมกันที่กาตาร์ และยูเออี มาเลเซียเพื่อนบ้านเราก็ไปเมื่อวันปีใหม่ 1 ม.ค.

ลองนึกย้อนกันไปนิด เราเพิ่งได้โค้ชใหม่เมื่อไหร่ ประกาศชื่อวันไหน เรียกเข้าแคมป์ 7 ม.ค. นักเตะบางคนถอน บางคนกว่าจะได้ตามมาสมทบกับเพื่อนก็ล่วงไปวันนึง 11 ม.ค. เดินทางไป จะได้ซ้อมกันจริงๆจังๆกี่วันก่อนเตะ

นี่คือความพร้อม หรือความไม่พร้อมของทีมชาติไทย ก็สุดแล้วแต่จะเรียกเอา

และนี่คือการเตรียมตัว เตรียมทีมของทีมชาติไทย กับเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย!

ไม่เท่านั้น จนถึงวันนี้ และดูเหมือนโอกาสจะริบหรี่จนแทบจะมืดมิดไปแล้ว กับการที่แฟนบอลไทย หรือประชาชนคนไทย จะได้ดูการถ่ายทอดสด ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 แบบถูกต้องตามครรลอง ผ่านจอทีวี

นั่นหมายถึง กีฬาอันดับ 1 อย่างฟุตบอล ทีมอันดับหนึ่งของคนเชื้อชาติไทย “ทีมชาติไทย” จะลงแข่งเกมฟุตบอลที่สำคัญที่สุดในทวีปเอเชีย

คนไทยทั้งประเทศไม่มีสิทธิ์ได้ดู

และแถมประเทศไทยเป็นประเทศเดียวใน 24 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลเอเชียนคัพ

ไม่มีผู้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด!

แล้วมันยังสื่อถึงอะไรอีก!!!

ฟุตบอลโลก เกมที่ทีมไทยยังไม่เคยมีโอกาสไปแข่ง เรายังได้ดูการถ่ายทอดสด เราถกเถียงถึงกฎ “มัสต์แฮฟ” ว่าเป็นอุปสรรคเช่นไร แต่ก็ยังได้ดูเพราะรัฐต้องควักกระเป๋าอุ้ม แต่คราวนี้เกมนอก

กฎมัสต์แฮฟ เอกชนก็ไม่สนใจ คนไทยไม่ได้ดู แล้วจะสรุปกันอย่างไรดี

ทำไมเอกชนไม่สนใจซื้อ แน่นอนที่สุดก็คือไม่คุ้ม ราคาแพง เอกชนไม่ใช่มูลนิธิ ต้องทำธุรกิจและมีกำไร หรืออย่างน้อยก็ใกล้ทุนมากที่สุด ไปหาทางชดเชยกันในส่วนอื่น จึงจะมีโอกาส

นั่นจึงสะท้อนได้ชัดว่า ค่าลิขสิทธิ์ซึ่งมีราคาแพงเกินจับต้องไปแล้ว เกี่ยวพันถึงระบบการถ่ายทอดสด การรับชม และการทำธุรกิจนั้นแตกต่างไปจากเดิม รวมถึงทีมฟุตบอลชาติไทย ไม่สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจ ไม่ดึงดูดเหมือนแต่ก่อนแล้ว

ซ้ำร้ายมีความพยายามจะขอซื้อเป็นรายแมตช์ แน่นอนก็เฉพาะที่ทีมไทยเราลงสนามนั่นแหละ แต่เขาไม่ขาย หรือถ้าขายก็ต้องแพงลิบลิ่ว ทั้งยังตีความได้ไหมว่า มีความคิดกันว่าทีมไทยคงเล่นไม่กี่นัด!

วันก่อน ผู้ว่าการ กกท. ดร.ก้องศักด ยอดมณี เพิ่งออกตัว หลังได้รับการสอบถามจากสมาคมฟุตบอลว่ามีโอกาสหรือไม่ที่ภาครัฐจะซื้อลิขสิทธิ์ บอก กกท.โดยช่อง T Sport 7 ไม่ได้เตรียมงบไว้ อยากให้เอกชนผนึกกำลังกันมากกว่า

อีก 7 วันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรือไม่ก็แล้วแต่ รวมถึงผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไรก็ตาม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในแง่มุมต่างๆนี้ เอเชียนคัพ ได้สะท้อนภาพอะไรให้ได้เห็นกันแล้ว และเป็นเรื่องลบ ไม่มีบวกเลย ส่วนเห็นแล้วอย่างไร อะไรเป็นปัญหา จะแก้กันอย่างไร

ดูมันมากมายหลายมิติ จนไม่สามารถโทษใคร ได้เลย...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม