บี บางปะกง
เตะข้ามกำแพง (เมืองจีน)
ในที่สุด...วันนี้ที่รอคอย ของแฟนลูกหนังชาวไทยทั้งประเทศ ก็มาถึงจนได้
กับการประเดิมแข้ง ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มซี
ระหว่าง “ขุนพลช้างศึก” ทีมชาติไทย เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ทีมชาติจีน แผ่นดินใหญ่
ที่จะระเบิดขึ้นในคำ่วันนี้ (16 พ.ย. 66) เวลา 19.30 น.
โดย ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 จะถ่ายทอดสดให้ลุ้นเชียร์กันทั่วประเทศ
ถือเป็นการคัมแบ็กกลับมาฟาดแข้งที่สังเวียนราชมังคลากีฬาสถาน...อีกครั้งในรอบกว่า 5 ปี ของทีมชาติไทย
ซึ่งปีล่าสุดที่แข้งช้างศึกได้ลงเล่นที่ราชมังคลาฯ
ก็เป็นปีเดียวกับที่ทีมชาติไทย ลงอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ กับ ทีมชาติจีน ที่สนามแห่งนี้ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2561
ผลฟาดแข้งปรากฏว่า แข้งแดนมังกร เป็นฝ่ายบุกมาเผาเครื่องช้างศึก คาถิ่น 2-0
จากการซัลโวเบิ้ลของ อู๋ เหล่ย ทั้งสองประตู
โดยนักเตะทีมชาติไทยที่ลงเล่นในวันนั้น มีชื่ออยู่ในทีมชุดนี้ทั้งหมด 4 คน
คือ ชนาธิป สรงกระสินธ์, พรรษา เหมวิบูลย์, ธีรศิลป์ แดงดา และ สารัช อยู่เย็น
ซึ่งการโคจรมาพบกันอีกครั้งของทั้ง 2 ทีม ในเกมคัดบอลโลกแมตช์นี้ ถือว่าสำคัญยิ่ง
เพราะเป็นเกมเปิดหัว ที่คงไม่มีใครอยากพ่ายแพ้ให้เสียฤกษ์เป็นแน่
ดังนั้นจึงเชื่อความเข้มข้นของเกมบู๊แข้ง น่าจะมันส์หยดติ๋งระดับห้าดาวบวกๆ อย่างไม่ต้องสงสัยกันเลย
และก่อนที่แมตช์ออกสตาร์ตคัดเลือกเวิลด์คัพ โซนเอเชีย “ไทย VS จีน” จะแบทเทิลกัน
เรามาดูทรรศนะของ 3 กูรูดังในวงการลูกหนังไทย ว่าเขาจะส่องกล้องมองบิ๊กเกมในค่ำคืนวันนี้...อย่างไร? กันบ้าง
เริ่มจาก “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตยอดศูนย์หน้า “หมายเลข 1” ตลอดกาลของทีมชาติไทย มองว่า...
ฟุตบอลจีน อยู่ในช่วงขาลงทั้งสโมสร และทีมชาติ แต่เราจะประมาทไม่ได้ เพราะยังไงเขาก็มีมาตรฐานของตัวเองอยู่
ทีมชาติจีนชุดนี้ มีจุดเด่น ที่รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่ง ถึงแม้ไม่มีตัวโอนสัญชาติ แต่ก็มีแข้งลูกครึ่งร่วมทัพอยู่ 3 คน
ตนได้ดูเกมอุ่นเครื่องแมตช์ล่าสุดของพวกเขาที่เจอ อุซเบกิสถาน จีนเล่นได้ดีมาก แต่มาพลาดช่วงท้ายเกมจึงพ่ายไป 1-2
จุดเด่นของทีมชาติจีน คือการโจมตีด้านข้าง ครอสบอลไปให้กองหน้าเข้าทำประตู
โดยเฉพาะลูกกลางอากาศต้องระวังเป็นพิเศษ อันตรายมาก เราอาจเสียประตูได้ตลอดเวลาถ้าคุมไม่ดีพอ
อย่างไรก็ตาม จีนชุดนี้ ไม่เล่นบอลเพรสเหมือน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่เน้นการคุมโซนเป็นหลัก
ซึ่งแบบนี้จะเข้าทางเรา เพราะทำให้มีพื้นที่เล่นเกมรุกมากขึ้น
เพลย์เมกเกอร์ อย่าง “เจ” ชนาธิป หรือ สุภโชค สารชาติ จะมีเวลาคิดในจังหวะโต้สวนกลับ เข้าไปยิงประตู
สำคัญที่สุดคือเราต้องเอาบอลไปให้ถึงแดนหน้าให้เร็ว อย่าต่อบอลมากจังหวะจนเกินไป เมื่อมีโอกาสต้องคิดถึงการจบสกอร์อย่างเดียว
ส่วนหน้าเป้า ตนติดว่าสไตล์โค้ชมาโน โพลกิง น่าจะให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ลงไปล่าประตูก่อน
ถ้าไม่เวิร์ก ก็คงปล่อย “มุ้ย” ธีรศิลป์ ลงไปเป็นทีเด็ดในช่วงครึ่งหลัง
นัดนี้กดดันทั้งสองทีมเพราะไม่มีใครอยากแพ้ตั้งแต่เกมแรก โอกาสออกได้ 3 หน้า แพ้ ชนะ เสมอ เป็นได้หมด
จีน ตั้งเป้าต้องมีแต้มกลับออกไป เพราะเกม 2 เขาเจองานหนักกับ เกาหลี ส่วนไทย ต้องหวังเอา 3 คะแนนแรกในบ้านให้ได้
ถ้าผลเป็นอื่นโอกาสของเราจะลำบากทันที
ขณะที่ “โค้ชหรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย ให้ความเห็นว่า
ทีมชาติจีน เป็นทีมชั้นนำของเอเชีย ที่ศักยภาพใกล้เคียงกับเรามากที่สุดแล้ว เจอกันทีไรสูสีทุกครั้ง
ตนไม่ค่อยห่วงความฟิตของนักเตะไทยยุคนี้สักเท่าไร เพราะทุกคนเป็นมืออาชีพกันหมดแล้ว
แต่สิ่งที่น่าห่วงคือเรื่องสภาพจิตใจเวลาเล่นให้กับทีมชาติ ซึ่งทุกคนต้องทุ่มเท มีแพสชันให้มากกว่าที่ผ่านมา
ต้องเล่นด้วยความกระหาย และเชื่อมั่นว่าเราสู้กับเขาได้ ความฮึกเหิมก็จะตามมาเอง
เกมนี้ตนเชื่อว่า จีน จะมาเน้นตั้งรับแล้วสวนกลับเร็วเป็นหลัก โดยเราต้องระวังลูกเซตเพลย์ของเขาให้ดี อย่าพลาดกันง่ายๆ
ผู้เล่นของเราศักยภาพไม่เป็นรองเขาอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแท็กติกของโค้ชมาโนว่าจะใช้ยุทธวิธีใดเล่นกับจีนมากกว่า
โอกาสที่ผลการแข่งขันจะออกมาเสมอกันมีสูงมาก
เพราะนัดแรกย่อมไม่มีใครอยากพ่ายแพ้ ต่างคนก็ต่างรัดกุมไว้ก่อนอยู่แล้ว
ทางด้าน “บิ๊กฉ่อย ท่าพระ” ยุทธนา ทวีสรรพสุข เกจิลูกหนังไทยพันธุ์แท้ ให้ทรรศนะว่า...
จากที่ดูราคาโต๊ะพนันถูกกฎหมายต่างประเทศล่าสุด เขายกให้ทีมไทยเล่นในบ้านเป็นต่อจีนอยู่นิดหน่อย
ซึ่งตัวผู้เล่นฟูลทีมแบบนี้ยังไงก็สูสี สู้ได้สนุกแน่นอน
ห่วงอย่างเดียวคือแนวรับที่ยังประสานงานกันได้ไม่ค่อยดี
โดยเฉพาะผู้รักษาประตูที่คาดว่าจะใช้ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ยืนเป็นมือหนึ่ง
ตนค่อนข้างกังวลเพราะ “ไอซ์” ตัวเล็ก กลัวจะรับมือการโจมตีลูกกลางอากาศที่คาดว่าจะมาทุกทิศทุกทางได้ไม่ดีพอ
ส่วนแนวรุกที่เราจัดเต็มเชื่อว่ามีประตูแน่ แต่จบเกมแล้วจะเอาชนะเขาได้หรือเปล่าแค่นั้น
แต่ตนค่อนข้างมั่นใจว่ายังไงนัดนี้เราไม่น่าถึงกับแพ้คาบ้าน
นัดแรกต้องมีคะแนนไว้ก่อน ถ้าแพ้ทุกอย่างแทบจะจบเลย
และทั้งหมดคือความเห็นและความน่าจะเป็นในเกมช้างศึกฟัดมังกร...ที่กำลังจะเผดียงแข้งในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
ซึ่งบทสรุปสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไรไม่รู้?
รู้แต่ว่าถ้า “บอลไทยคิดจะไปบอลโลก”
ยังไงก็ต้อง “ปีนข้ามกำแพงเมืองจีน” นี้ไปให้ได้เสียก่อน
ที่ผ่านมาเราอาจชอบดูรายการ “ร้องข้ามกำแพง”
แต่สำหรับคอลูกหนังบ้านเรา....ชั่วโมงนี้
ขอตะลุยภารกิจ “เตะข้ามกำแพง” ก่อนแล้วกันนะครับ !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com