บี บางปะกง
สร้างชื่อจาก ‘เอสโตเนีย’
ลืมฝันร้ายจากแมตช์ปราชัยย่อยยับต่อทีมชาติจอร์เจีย 0-8 ไปซะ
โฟกัสของขุนพลลูกหนังทีมชาติไทย อยู่ที่เกมอุ่นแข้ง “ฟีฟ่าเดย์” แมตช์สอง ที่จะพบเจ้าถิ่น ทีมชาติเอสโตเนีย
ในคำ่คืนวันนี้ (17 ต.ค. 66) ที่ อา เลอ ค็อก อารีนา กรุงทาลลินน์
ซึ่ง “ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32” จะถ่ายทอดสด ให้ลุ้นเชียร์กันอีกครั้ง ในเวลาห้าทุ่มตรง
และก่อนที่เกมส่งท้ายทัวร์ยุโรปของแข้งช้างศึกจะฟาดแข้งกัน
ผมลองนั่งทบทวนความทรงจำเก่าๆ ของตัวเอง ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้นึกถึง “เอสโตเนีย”
ชาติเล็กๆ ในยุโรป ที่รั้งอยู่อันดับ 115 ฟีฟ่าแรงกิ้งปัจจุบัน
ต่ำกว่า ทีมชาติไทย ของเรา ที่อยู่อันดับ 112 อยู่นิดหน่อย
ซึ่งที่พอนึกออก มีดังนี้ครับ
อย่างแรกเลยที่ทำให้รู้จัก เอสโตเนีย คือ “มาร์ท พูม” อดีตนายทวารชื่อดังในยุคทศวรรษ 90 ต่อถึงช่วง 2000
ที่เคยสร้างชื่อบนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับหลายสโมสรชั้นนำ ทั้ง ดาร์บี้ เคาน์ตี้, พอร์ทสมัธ, ซันเดอร์แลนด์, อาร์เซนอล รวมถึง วัตฟอร์ด
โดยทีมชาติชุดนี้ของเอสโตเนีย ก็มี “มาร์คุส พูม” กองกลางวัย 24 ปี ลูกชายแท้ๆ ของ มาร์ท พูม ร่วมทัพอยู่ด้วย
เช่นเดียวกับ “พี่เบิ้ม” เฮนรี่ อานิเยร์ อดีตดาวยิงจอมเก๋าของ เมืองทอง ยูไนเต็ด
ที่ปัจจุบันย้ายไปลุยลีกฮ่องกง กับ ลี่ หมาน เอฟซี เรียบร้อยแล้ว
อาร์นิเยร์ ในวัย 32 ปี ซัลโวให้เอสโตเนีย ไปแล้ว 21 ประตู และยังคงเป็นตัวหลักของทีมชุดนี้
ซึ่งแม้จะอำลาไทยลีกไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังผูกพันกับนักเตะกิเลนผยอง ไม่เสื่อมคลาย
โดยไปรอต้อนรับเพื่อนเก่า ทั้ง วีระเทพ ป้อมพันธ์, พิชา อุทรา รวมถึง ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ถึงโรมแรมที่พัก ด้วยความอบอุ่น
และความทรงจำสำคัญ ที่ผมมีต่อทีมชาติเอสโตเนีย ไม่เคยลืม
คือ ภาพของ อดีตศูนย์หน้าดาวยิงทีมช้างศึก “ต้น” พิพัฒน์ ต้นกันยา
ที่แจ้งเกิดทันทีในการประเดิมรับใช้ชาติครั้งแรกในชีวิต
ด้วยการซัดเบิ้ลคนเดียว 2 ลูก ให้ทีมชาติไทย เอาชนะ เอสโตเนีย ไปได้ 2-1
ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 31 เมื่อปี 2000 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
จากนั้นเป็นต้นมาชื่อของ พิพัฒน์ กับการสังหารตาข่ายคู่ต่อสู้
ก็กลายเป็นของคู่กัน ทั้งในทีมชาติและทีมสโมสรมาอย่างยาวนานนับทศวรรษ
“ต้น” พิพัฒน์ ต้นกันยา ที่ปัจจุบัน หันมารับบทบาทผู้บริหารทีมฟุตบอล
กับสโมสร “ต้นกันยา ยูไนเต็ด” ลงฟาดแข้งในศึกไทยแลนด์ เซมิโปร ลีก และไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก 2567 เล่าให้ผมฟังว่า...
2 ประตูที่เขายิงใส่ เอสโตเนีย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
ถือเป็นการเปิดตัวกับทีมชาติไทยได้อย่างสวยงาม เหลือเชื่อจริงๆ
ก็อยากฝากถึงรุ่นน้อง ที่จะลงเตะอุ่นเครื่องในนัดนี้ให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เรื่องของผลการแข่งขันเป็นเรื่องรอง
แต่ประสบการณ์ที่เราจะได้รับในการไปเล่นกับชาติในยุโรป เป็นอะไรที่ต้องตักตวงให้มากที่สุด
โดยเฉพาะการเรียนรู้ที่จะรับมือกับฟุตบอลสไตล์เพรสซิ่ง ที่นักบอลบ้านเราไม่ค่อยถนัด เป็นอะไรที่สำคัญมาก
เพราะฟุตบอลยุคใหม่เขาเน้นเพรสคู่แข่ง ตั้งแต่แดนบนกันหมดแล้ว
แต่สโมสรไทยส่วนใหญ่ยังเน้นแพ็กหลังให้แน่นแล้วโต้กลับเป็นหลัก
ซึ่งเป็นวิธีโบราณ ที่ทำให้บอลไม่พัฒนา และดูไม่สนุกเอาเสียเลย
ดังนั้นน้องๆ ทุกคน เมื่อมีโอกาสไปเจอชาติยุโรปตัวเป็นๆ แล้ว ก็ขอให้สู้อย่างเต็มที่
นำข้อดีข้อด้อยของเค้ามาศึกษาและปรับใช้ให้มากที่สุด
อย่าง “ยศกร บูรพา” กองหน้าดาวรุ่ง ที่ติดทีมชาติชุดใหญ่ ตั้งแต่ อายุ 18
ต้องถือเป็นโอกาสทองจริงๆ ที่จะได้นำทุกบทเรียนที่ได้รับในการทัวร์ยุโรปครั้งนี้
มาพัฒนาตัวเอง ให้เป็นยอดดาวซัลโวที่แกร่งขึ้นในอนาคต..ได้ไม่ยาก
ในฐานะของรุ่นพี่ทีมชาติไทย ก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้น้องๆ ช้างศึกรุ่นใหม่ทุกคน
ทำหน้าที่เพื่อชาติ..ให้สุดกำลัง
บางทีการเจอกับ เอสโตเนีย ในแมตช์นี้
อาจเป็นเกมสร้างชื่อ...ให้แฟนบอลทั้งประเทศได้จดจำพวกเรา
เหมือนอย่างที่ “พี่ต้น” เคยทำมาแล้ว
ก็เป็นได้...ใครจะรู้ !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com