บี บางปะกง
สถานีต่อไป...หางโจว
ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้...อย่างครบถ้วนกระบวนความ
สำหรับขุนพลช้างศึก พลังหนุ่ม ยู23 กับภารกิจ เปิดประตูบานแรกสู่ “โอลิมปิกปารีส 2024”
หลังพวกเขาเฉือนชนะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย 1-0 คว้าชัย 3 นัดรวด เก็บ 9 คะแนนเต็ม
เข้าป้ายคว้าแชมป์กลุ่ม ทะยานสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกลูกหนังชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ที่จะระเบิดแข้ง ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 15 เมษายน-3 พฤษภาคม 2567
โดยจะคัดเอาโควตา 3 ทีมครึ่ง เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ไปลุยฟุตบอลโอลิมปิก ที่ฝรั่งเศส ต่อไป
ซึ่งในส่วนของครึ่งทีมนั้น คือทีมที่ได้อันดับ 4 จะต้องไปเพลย์ออฟกับ กินี ที่ 4 จากทวีปแอฟริกา เพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายสู่ปารีสอีกครั้ง
และจาก 16 ทีมในรอบสุดท้าย มีทีมจาก อาเซียน ผ่านเข้าไปทั้งหมด 4 ชาติ คือ ทีมชาติไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
สุดท้ายแล้วใครจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ในการลุ้นตั๋วสู่โอลิมปิกแดนนำ้หอม
ก็คงต้องรอดูความหนักเบาจากการจับสลากแบ่งสายกันอีกครั้ง จึงจะพอเห็นเส้นทาง
สำหรับผลงานของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กับการคุมทีมช้างศึก 23 ปี ที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่เป็นที่โดนใจของคอลูกหนังบ้านเรามากนัก
แต่ถ้าว่ากันโดยภาพรวมแล้ว ก็น่าจะคล้ายกับ “โค้ชมาโน่ โพลกิ้ง” ในทีมชาติไทยชุดใหญ่นั่นแหละ
นั่นคือเจ้าตัวทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย...เอาตัวรอดไปได้ในเบื้องต้น
คือเข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชีย อย่างไม่ยากเย็น
ส่วนระยะเวลาอีก 8 เดือนที่เหลือ ก่อนไปลุยกาตาร์
ถามว่า แข้งช้างศึกชุดนี้ จะพัฒนาแข็งแกร่ง ไปได้มากขึ้นกว่านี้อีกหรือเปล่า?
ต้องบอกว่า...ตอบยากจริงๆ
เพราะโจทย์ที่เราต้องเผชิญนับจากนี้ มีแต่ยากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าผู้บริหารสมาคมลูกหนัง ยังคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม
โดยไม่แสวงหาแนวทางใหม่ๆ ให้มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ปลายทาง ก็คงไม่ได้ต่างอะไรจากที่เคยเป็นมา...อย่างแน่นอน!!
เสียดายที่สุด ก็คือศึกเอเชียนเกมส์ ที่หางโจว ในคราวนี้
แทนที่จะเป็น ทัวร์นาเมนต์ต่อเนื่อง ให้นักเตะทีมชาติไทย ยู23 ได้ต่อยอดความแข็งแกร่ง ไปสู่เกมชิงแชมป์เอเชีย
แต่กลับมาติดเงื่อนไข ของคำว่า ไม่ใช่ “ฟีฟ่าเดย์”
จนทำให้สโมสรปฏิเสธที่จะปล่อยผู้เล่นตัวหลักที่ดีที่สุดมารับใช้ชาติกันอีก
เราเลยชวดโอกาสที่จะใช้ผู้เล่น “เกรดเอ” ที่มีอยู่ วัดศักยภาพตัวเองกับทีมระดับเอเชีย ซึ่งหาได้ไม่บ่อยนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ขุมกำลังรายชื่อ 21 แข้งชุดเอเชียนเกมส์ ที่ประกาศออกมา จะไม่ใช่ตัวที่แฟนบอลคาดหวัง
แต่สิ่งนึงที่ทุกคนอยากจะเห็นคือรูปแบบการวางกลยุทธ์ แท็กติก
รวมถึงการแก้เกมที่แสดงถึง “กึ๋น” ของคนเป็น “เฮดโค้ช”
ที่สมควรต้องยกระดับขึ้นมาให้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะใช้นักเตะชุดใดลงไปเล่นก็ตาม
โดยโปรแกรมของทีมชาติไทย ในรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 3 นัด มีดังนี้
วันที่ 19 กันยายน ไทย พบ บาห์เรน (ไทยพีบีเอส ถ่ายทอดสด 15.00 น.)
วันที่ 21 กันยายน ไทย พบ เกาหลีใต้ (ช่อง 5 ถ่ายทอดสด 18.30 น.)
และวันที่ 24 กันยายน ไทย พบ คูเวต (ช่อง NBT ถ่ายทอดสด 18.30 น.)
ติดตามชมและเชียร์ ฟอร์มของทีมช้างศึก ยู23 สถานีต่อไป ใน “เอเชียนเกมส์ หางโจว”
เจอกับทีมที่มาตรฐานสูงกว่า ผล แพ้ชนะ ที่ออกมา...เป็นอีกเรื่อง
สำคัญที่สุด คือทรงบอล ต้องมีอะไรให้คาดหวังถึงวันข้างหน้าได้บ้าง
ช้างศึกแห่งอนาคต ต้องเล่นแบบมีอนาคตครับ!!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com