บี บางปะกง
ชี้ชะตา “มาโน่”
ขุนพลช้างศึก ทีมชาติไทย ทั้งชุดใหญ่ และชุดเล็ก กำลังจะมีทัวร์นาเมนต์ฟาดแข้งให้วัดฝีมือกันแล้วนะครับ
แข้งชุดเล็ก ช้างศึก ยู23 จะลุยเกือกก่อน ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ระหว่างวันที่ 17-27 สิงหาคมนี้ ที่จังหวัดระยอง
แข่งขันกัน 2 สนามที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง
และ ระยอง สเตเดียม (สนามมาบข่า สเตเดี้ยม) ของ พีทีที ระยอง ซึ่งยุบสโมสรไปแล้ว เคยใช้เป็นรังเหย้า
โดยทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่ตรงกับช่วง “ฟีฟ่าเดย์”
ทำให้ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ไม่สามารถใช้งานนักเตะชุดเก่งได้เหมือนเคย
ซึ่งขุมกำลัง 90 เปอร์เซนต์มีการเปลี่ยนแปลงไป จากชุดเหรียญเงินซีเกมส์ที่กัมพูชา
มาใช้ผู้เล่นดาวรุ่งหน้าใหม่ ซึ่งสโมสรปล่อยตัวให้มารับใช้ชาติ
ดังนั้นจึงไม่ใช่งานง่าย ที่ไทยเราจะก้าวไปคว้าแชมป์อาเซียนครั้งนี้ แม้จะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดก็ตามที
โดย โปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย 23 ปี มีดังนี้
วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เวลา 20.00 น. ไทย พบ เมียนมา ที่ระยอง สเตเดียม (สนามมาบข่า สเตเดี้ยม)
วันที่ 19 สิงหาคม 2566 เวลา 20.00 น. บรูไน พบ ไทย ที่ระยอง สเตเดียม
วันที่ 21 สิงหาคม 2566 เวลา 20.00 น. ไทย พบ กัมพูชา ที่ระยอง สเตเดียม
ส่วน รอบรอง และรอบชิงชนะเลิศ จะไปเตะที่ สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ในวันที่ 24 และ 26 สิงหาคม 2566
ซึ่งทุกนัดจะถ่ายทอดสดให้แฟนบอลได้รันชม ทาง True Sports 2
ทางด้านทีมช้างศึกชุดใหญ่ ก็กำลังจะมีโปรแกรมเผดียงแข้งเช่นกัน แต่เป็นในเดือนหน้า “ฟีฟ่าเดย์”
กับศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน2566
ที่จะยกพลขึ้นเหนือ มาเตะกันที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
และเป็นคิงส์คัพครั้งที่3 ของเมืองนครพิงค์ แห่งนี้ ที่ได้เป็นเจ้าภาพ
โดยผลการจับฉลากประกบคู่เมื่อวันก่อน ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ทีมชาติไทย ที่ฟีฟาแรงกิ้งล่าสุด อยู่ที่ 113 ของโลก จะประเดิมสนามพบกับ ทีมชาติเลบานอน (ทีมอันดับ 100 ของโลก)
ในวันที่ 7 กันยายน 2566 เวลา 20.30 น.
ส่วนคู่แรก ในวันเดียวกัน อิรัก (อันดับ 70 ของโลก) พบ อินเดีย (อันดับ 99 ของโลก) เวลา 17.30 น.
จากนั้น รอบชิงอันดับ 3 และรอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันในวันที่ 10 กันยายน 2566 ตั้งแต่ 17.30 น.
โดยทุกแมตช์จะมีการถ่ายทอดสดให้ชมทั่วประเทศ ทาง ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 ของเรา และ เอไอเอส เพลย์
ซึ่งภายหลังการแบ่งสาย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมหญิงเหล็กชาติไทย ที่บินไปร่วมงานนี้ด้วยตัวเองที่เชียงใหม่
ยอมรับว่าศึกคิงส์คัพไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะ 3 ทีมที่มาร่วมฟาดแข้ง ต่างมีอันดับโลก “ท็อป 100” ที่สูงกว่าเราทั้งสิ้น
แต่เป้าหมายของไทยในฐานะเจ้าภาพ คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องหักด่านเอาชนะเลบานอน เพื่อเข้าไปชิงให้ได้
และทีมชาติไทย ก็ไม่ได้เแชมป์บอลคิงส์คัพมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2017 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ “มาดามแป้ง” ต้องการถ่ายทอดไปถึง กุนซือ มาโน โพลกิ้ง ที่มานั่งอยู่ในห้องแถลงข่าวด้วย
โดย ทีมช้างศึกชุดใหญ่ จะเริ่มเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเตรียมคิงส์คัพ ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ และกำหนดบินมา เชียงใหม่ ในวันที่ 4 กันยายน
สำหรับภารกิจของโค้ชมาโน่ ในช่วงนี้คือการตระเวณดูฟอร์มของนักเตะในศึกไทยลีกช่วงเปิดฤดูกาล ว่าจะใช้งานใครมาสู้ศึกใหญ่ในคราวนี้
ที่ผมเชื่อเหลือเกินว่า กุนซือฝรั่งหัวใจไทย คงไม่กล้าลองทีมเหมือนอย่างที่เคยมาอีกแล้วล่ะ
เพราะรู้ตัวดีว่าเก้าอี้นายใหญ่ทีมชาติของตัวเองในเวลานี้ พร้อมกระเด็นได้ทุกเมื่อ
หลัง “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ได้ส่งโค้ช มาซาทาดะ อิชิอิ มาจ่อหลังรออยู่แล้ว
ส่วนเรื่องที่โค้ชอิชิอิ จะมาช่วยทำหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของทีม ในคิงส์คัพครั้งนี้เลยหรือไม่?
ผมเดาว่า...อาจจะยังไม่เห็น
ยกเว้น นัดแรก ทีมชาติไทย พ่าย เลบานอน ไม่ได้เข้าชิง (อีกครั้ง) นั่นแหละ
เกมต่อไป ยอดกุนซือซามูไร...
มีหวังได้มายืนประกบข้าง มาโน่ แน่...ฟันธง !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com