หน้าแรกแกลเลอรี่

กำแพงที่ขวางทาง "ทีมชาติไทย U17" ไปฟุตบอลโลก มีทั้งใน-นอกสนาม

แอดมุงกี้

26 มิ.ย. 2566 09:29 น.

กำแพงสุดท้ายที่ขวางทาง "ทีมชาติไทย U17" ไปฟุตบอลโลก ไม่ได้มีแค่คู่แข่งในสนาม แต่ยังมีนอกสนามด้วย

น่าเสียดายสำหรับ ทีมชาติไทย U17 ที่พลาดโอกาสสานฝันแฟนบอลชาวไทย ด้วยการตีตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก U17 ที่อินโดนีเซีย ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังแพ้ ทีมชาติเกาหลีใต้ U17 ไปถึง 1-4 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ไทยได้เล่นในบ้าน ในฐานะเจ้าภาพด้วย

ก่อนเกมนี้แฟนบอลชาวไทยต่างก็มีความหวังว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เห็น "บอลไทยไปบอลโลก" สมใจอยากเสียที เพราะรอบ 8 ทีม คือด่านสุดท้ายของ ทีมชาติไทย U17 แล้ว ซึ่งหากชนะ เกาหลีใต้ U17 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ ก็จะตีตั๋วเป็น 1 ใน 4 ตัวแทนจากทวีปเอเชีย ไปลุยศึกฟุตบอลโลก U17

แต่เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดจบการแข่งขัน แน่นอนว่าเกมนี้ได้แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานการเล่นของ ทีมชาติไทย U17 ยังตามหลัง เกาหลีใต้ U17 อยู่พอสมควร เป็นเหตุให้ "ช้างศึก" ของเรา ยังไม่สามารถก้าวข้าม "กำแพงสุดท้าย" ที่ขวางทางไปสู่ฟุตบอลโลกได้

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสิ่งที่ไทยยังก้าวข้ามไม่ได้ นอกเหนือจากการแข่งขันในสนามแล้ว เห็นจะเป็นมาตรฐานของแฟนบอล "บางส่วน" ที่สร้างปัญหาไม่จบไม่สิ้น หลังจากมีกลุ่มหนึ่งจุดพลุในสนามปทุมธานี สเตเดียม โดยไม่แคร์สายตาของตัวแทน สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ที่คอยจับจ้องไทยอยู่

เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ แฟนบอลไทยกลุ่มดังกล่าวเคยจุดพลุในศึกอาเซียนคัพ 2022 รอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ จนถูก เอเอฟซี ปรับเงิน 684,800 บาท และยังมีกรณีที่ถูกปรับอีก 2.4 ล้านบาท จากการจุดพลุในศึกฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย 2023 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

วีรกรรมทั้งหลายที่ผ่านมา ทำให้ สมาคมฟุตบอลกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ถูก เอเอฟซี จับตามองเป็นพิเศษ เพราะค่าปรับจากการลงโทษครั้งก่อนก็ยังอุทธรณ์ไม่จบ แต่แฟนบอลกลุ่มนี้กลับคอยตอกย้ำให้ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยดูย่ำแย่หนักกว่าเดิมอีก

ยิ่งทำผิดเรื่องเดิมๆ มากเท่าไร ฟุตบอลไทย ก็มีแต่จะโดนลงโทษหนักกว่าเดิมมากขึ้นเท่านั้น และครั้งต่อไปอาจไม่ใช่แค่การปรับเงินก้อนโต แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นห้ามแฟนบอลเข้าไปเชียร์ทีมชาติไทยในสนาม แม้ว่าจะได้เป็นเจ้าบ้านก็ตาม หรืออาจถึงขั้นเสียโอกาสในการถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญๆ ในอนาคต เช่น ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก หรือศึกยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่จะเป็นเจ้าภาพที่ จ. ชลบุรี เดือนกันยายน

ตราบใดที่ยังแก้ไขปัญหาแฟนบอลก่อเหตุซ้ำซากไม่ได้ ฟุตบอลไทย ก็คงไม่สามารถก้าวข้าม "กำแพง" สู่การไปโลดแล่นในเวทีฟุตบอลระดับโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี