โจโจ้
หลายปีแล้วที่ทุกคนพูดถึงความฝันที่ยังจับต้องไม่ได้ “บอลไทยไปบอลโลก” ไม่ว่าใครมานั่งเป็นนายกสมาคมลูกหนัง วลีบอลไทยไปบอลโลก ล้วนเป็นสิ่งที่หยิบยื่นหรือเป็นหนึ่งในนโยบายที่พร่ำออกจากปากมาโดยตลอด
ถึงวันนี้นับเวลาดูแล้วเกินกว่า 5 ปีกับคำว่า “ไทยจะไปบอลโลก” สุดท้ายก็เป็นความฝันที่เรายังก้าวไปไม่ถึงสักที อาจเกิดด้วยมาจากปัจจัยอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราได้แค่ฝัน
แม้ทุกวันนี้โควตาของทวีปเอเชียจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 ทีมครึ่งเป็น 8 ทีมครึ่งก็ตาม ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะการันตีได้ความหวังที่จะได้เห็น “บอลไทยไปบอลโลก” จะเป็นที่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริหารจัดการที่ดีของสมาคมลูกหนังไทย รวมไปถึงผลงานของทีมชาติไทยที่ต้องก้าวข้ามอาเซียนไปให้ได้
ไม่ต้องอะไรมาก แค่ระดับอาเซียนอย่าง “ซีเกมส์” กี่ครั้งแล้วที่เรายังข้ามไม่พ้นห่างหายจากคำว่าเจ้าลูกหนังมานานแค่ไหน ทั้งที่เมื่อก่อนเราเป็นพี่เบิ้มอยู่ตลอด
แต่วันนี้ได้ยินจากปากของ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ที่มีกีฬาในหัวใจโดยเฉพาะฟุตบอลว่าไม่เกิน 12 ปีต้องผลักดันให้ไทยไปบอลโลกให้ได้
โดยการที่บอลไทยจะไปบอลโลกต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนี้แบบฐานพีระมิดเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสูงสุด ซึ่งน่าจะเริ่มอย่างมีความหวังในปีหน้าที่เราจะได้นายกสมาคมลูกหนังคนใหม่ ซึ่งแคนดิเดตนายกไม่น่าจะผิดฝาผิดตัวไปจาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตประธานสโมสรการท่าเรือเอฟซี และผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย
พูดถึงเป้าหมาย 12 ปีในการสร้างความฝันให้คนไทยสมหวังไม่นานหรือเร็วเกินไป น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีโอกาสเป็นไปได้สูง หากเราจะเริ่มอย่างจริงจังในปีหน้า
ในเรื่องการบริหารจัดการไม่น่าห่วงชื่อ “มาดามแป้ง” เพียบพร้อมครบเครื่องทุกอย่างทั้งเพาเวอร์และบารมี ยิ่งในเรื่องหัวใจเกินร้อยแน่นอน บวกกับได้รัฐบาลที่ชื่นชอบเรื่องของกีฬาเข้ามามีส่วนร่วมด้วยแล้ว หนทางน่าจะฉลุย
ได้เห็นโครงสร้างคร่าวๆจากปาก “นายกฯเศรษฐา” ทำให้เริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาทันที อยู่ที่ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะช่วยทำฝันให้เป็นจริงหรือเปล่า
เชื่อว่าหากทุกอย่างสัมฤทธิผลได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “บอลไทยได้ไปบอลโลก” รับรอง จะเป็นความสุขที่คนไทยจะจดจำชื่อของ “นายกฯเศรษฐา” รวมถึง “มาดามแป้ง” และพรรคเพื่อไทยไปอีกนาน.
โจโจ้