หน้าแรกแกลเลอรี่

นายกลูกหนัง

โจโจ้

21 ก.ค. 2566 04:25 น.

แม้การเลือกตั้งนายใหญ่ของ สมาคมลูกหนังไทยยังไม่ถึงวันสุกดิบ เพราะกำหนดอย่างเป็นทางการคือ ก.พ.2567 แต่ด้วยปรากฏการณ์หรือวิกฤติต่างๆ

ที่ถาโถมสู่วงการบอลไทยมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้คอบอลและแฟนกีฬาทั่วไปต่างให้ความสนใจพร้อมกับคาดหวังต่างๆนานา

จากความสนใจและความตื่นตัวกับการแสวงหาผู้นำคนใหม่ที่จะเข้ามากอบกู้วงการลูกหนังไทยจึงทำให้คนในแวดวงฟุตบอลรวมทั้งผู้ที่ยังไม่เปิดหน้าแสดงตนต่างเกาะติดสถานการณ์มากขึ้นตามลำดับ

ขณะที่คนในแวดวงที่ออกมาแสดงวิสัยทัศน์และพร้อมที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการบริหารจัดการฟุตบอลไทยในห้วงเวลาที่ผ่านมาก็แสดงตนออกมาให้เห็นอยู่บ้าง

หนึ่งในนั้น “บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมและผู้กว้างขวางในวงการลูกหนังโลก เป็นหนึ่งที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อรวมทั้งในวงเสวนาหลายครั้ง โดยเฉพาะการให้ความเป็นห่วงในการบริหารจัดการและพร้อมจะร่วมยกระดับกีฬามหาชนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและบริบทของฟุตบอลสมัยใหม่

พร้อมประกาศจะขอลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯในปีหน้าอย่างแน่นอนเพราะต้องการให้ฟุตบอลไทยกลับมาคึกคักสร้างความศรัทธาจากแฟนบอลอีกครั้ง

สำหรับข้อบังคับที่ขวางทางคือ เรื่องอายุซึ่งปัจจุบัน “บังยี” อายุ 72 ปี แต่ข้อบังคับดังกล่าวที่กำหนดว่าสภากรรมการต้องไม่เกิน 70 ปี ออกกฎมาเพื่อสกัดกั้น “บังยี” ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นกฎกติกาสากลแต่อย่างใด

จะว่าไปแล้ววงการกีฬาไทยคนที่จะมานั่งทำงาน อายุเยอะก็มีให้เห็นอย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และนายกสมาคมว่ายน้ำ ที่สำคัญทุกประเทศในอาเซียนไม่มีและไม่เป็นสากลในกฎข้อห้ามดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีอดีตตำนานดาวยิงทีมชาติไทย “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก (พิเศษ) ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ก็เป็นคนในวงการที่เปิดตัวในการชิงเก้าอี้นายใหญ่สมาคมเช่นกัน

ขณะเดียวกัน “โค้ชหรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติและสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นอีกหนึ่งของคนในวงการที่ออกมาแสดงทัศนะเช่นกัน

ล่าสุดในการเสวนา “ทิศทางฟุตบอลไทย” ในงานตลาดนัดคนข่าวกีฬา เมื่อ 13 ก.ค.ที่ศูนย์การค้า MBK “โค้ชหรั่ง” ชี้ให้เห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้โอกาสคนใหม่เข้ามาสร้างวงการฟุตบอลใหม่แนวคิดใหม่ๆ

การที่ผู้เคยคลุกคลีกับวงการลูกหนังไทยออกมาปันความคิดเพื่อพัฒนาและยกระดับฟุตบอลไทยนั้นเพราะเห็นว่ากรรมการชุดปัจจุบันยังบริหารจัดการไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์หรือสร้างความสุขให้แฟนบอลได้

ถ้าผู้นำที่จะเข้ามามีวิสัยทัศน์ มีแผนยุทธศาสตร์ รวมทั้งพร้อมไปด้วยทีมงานที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น จริงจังและจริงใจภายใต้การ บริหารจัดการอย่างมืออาชีพที่แท้จริง

เชื่อว่าวงการบอลไทยก็จะก้าวไกลและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกฟุตบอลสมัยใหม่ดังที่ทุกภาคส่วนคาดหวัง.

โจโจ้