หน้าแรกแกลเลอรี่

ทองไม่รู้ร้อน!!

บี บางปะกง

20 ก.ค. 2565 05:10 น.

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ของพรรคฝ่ายค้าน เริ่มขึ้นแล้วล่ะครับ!! เสียดายนะครับที่แวดวงกีฬาของเราไม่ได้มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ไม่งั้นคงสนุกพิลึกกับการซักฟอกประเด็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นของสมาคมกีฬาทั้งหลายแหล่

โดยเฉพาะสมาคมกีฬามหาชนอย่าง “ฟุตบอล” ที่ดูเหมือนจะตกเป็นเป้าโฟกัสของสังคมมากกว่าใคร?

เหตุจาก ความล้มเหลวของ “ทีมชาติไทย” แทบทุกชุด ที่เมื่อก่อนเราเคยครองความยิ่งใหญ่ เป็น “เต้ย” ในอาเซียน...ชนิดไม่มีใครกล้ามาแหยม

แต่มาดูสภาพความเป็นไป ณ ปัจจุบัน เรากำลังเผชิญอยู่กับอะไร พระเดชพระคุณท่านก็คงเห็นๆกันอยู่

เอากันจริงๆ อย่าบอกว่าบอลไทยไม่พัฒนา แต่นี่เรากำลัง “ถอยหลังลงคลอง” ไปทุกเมื่อเชื่อวันแล้วต่างหาก!!

จะบอกว่าผลงานทีมชาติ ไม่เห็นเกี่ยวกับการ บริหารงานของสมาคมฯที่ตรงไหน ก็คงไม่ถูกนัก

เพราะหัวใจหลักของการเข้ามาดูแลสมาคมกีฬาฯ มันวัดกันที่ความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมชาติไทยนี่แหละสำคัญที่สุด!

ไม่เชื่อก็ลองไปถามสมาคมวอลเลย์บอลฯ ดูก็ได้...ว่าจริงหรือเปล่า?

เพราะเค้าไม่เห็นต้องมีถาวรวัตถุอะไรที่มันวิเศษ วิโส แต่ผลงานการพัฒนานักกีฬาทีมชาติแบบรุ่นต่อรุ่น มันโดดเด่นเป็นสง่าทุกครั้งที่ออกไปสู่เวทีนานาชาติ

เอาเป็นว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับทีมลูกหนังชาติไทย...มองยังไงก็ ก็ต้องเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ผู้นำสูงสุดขององค์กรต้องออกมาแอ็กชันบ้าง ไม่มากก็น้อย

ไม่ใช่นิ่งสนิท ทำเป็น “ทองไม่รู้ร้อน” หรือใช้นโยบาย “ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว” ซึ่งมันจะยิ่ง Go So Big ไปกันใหญ่

เช่นเดียวกับการดูแลสารทุกข์สุกดิบของสโมสรสมาชิกก็เช่นกัน ต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าตอนนี้ ท่านบริหารงานให้ทุกทีมมีความ “เท่าเทียมกัน” จริงหรือเปล่า?

หรือเลือกปฏิบัติเป็นบางสโมสรที่ต้องดูแลกันแบบ “ซูเปอร์ VIP” ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม อะไรประมาณนั้น

ซึ่งถ้าเป็นรูปนี้ก็ต้องบอกเลยว่าท่านขาด “ธรรมาภิบาล” ในการปกครอง...โดยสิ้นเชิง

อย่างกรณีของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่โดนริบสิทธิ์โควตาเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลนี้อย่างไม่เป็นธรรม

เรื่องนี้ เป็นแบบไหน อย่างไร? สังคมฟุตบอลย่อมรู้อยู่เต็มอก

ที่ผ่านมาทั้ง 2 สโมสรพยายามดิ้นรนทวงสิทธิ์ของตัวเองที่พึงได้พึงมีมาโดยตลอด

แต่ดูเหมือนสมาคมฟุตบอล และ บ.ไทยลีก จะไม่มีการตอบสนองใดๆออกมา

ขนาดไปยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ 10 กว่าวันแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังนิ่งสนิท

ดังนั้นแนวทางต่อไปของทีมที่เสียหายอย่าง แข้งเทพ ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพึ่งความยุติธรรมของ “ศาลกีฬาโลก” ให้มันรู้แล้วรู้รอด

ในเมื่อองค์กรกีฬาภายในประเทศฝากความหวังไว้ไม่ได้ ปฏิบัติการเรียกร้องความเป็นธรรมในระดับอินเตอร์คงจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า

แม้จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเพิกถอนสิทธิ์สโมสรสมาชิกจากทางสมาคมลูกหนังก็ตาม

แต่เคสนี้จะเป็นบรรทัดฐาน และเป็นคดีตัวอย่างของการต่อสู้กับความอยุติธรรม ของวงการฟุตบอลบ้านเรา...

บี บางปะกง