ไทยรัฐออนไลน์
"ชนาคุง" เผยเรื่องราวแบบหมดเปลือกผ่านรายการ "ป๋าเต็ดทอล์ก" เกี่ยวกับการก้าวข้ามคำดูถูกและเริ่มต้นฝ่าฟันอุปสรรคในเจลีก รวมถึงความรักครั้งเก่ากับดาราสาวชื่อดัง
สำหรับรายการ “ป๋าเต็ดทอล์ก” เป็นรายการพูดคุยกับคนดังในหลากหลายวงการ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจให้นำเสนอ ในมุมมองของเจ้าพ่อเด็กแนว ยุทธนา บุญอ้อม อดีตดีเจชื่อดังและผู้จัดอีเวนต์ระดับชั้นนำของเมืองไทย และ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็ถือเป็นนักฟุตบอลคนแรก ที่ได้รับเชิญมาสัมภาษณ์ในรายการ
ซึ่งนอกจากจะย้อนวันวาน เกี่ยวกับการเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในวัยเด็กแล้ว ดาวเตะชื่อดังแห่งคอนซาโดเล ซัปโปโร ยังเผยถึงเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ถึงแรงผลักดันในการก้าวข้ามคำดูถูกก่อนย้ายมาค้าแข้งในเจลีก
“ตอนแรกที่ผมย้ายมาเจลีก มีเพื่อนร่วมทีมไม่กี่คนที่อยากเข้ามาทักทาย ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเรื่องของชาตินิยมด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขา อยากเข้ามาทำความรู้จักกับผมก็คือฝีเท้า มันเป็นสิ่งที่เราพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้วว่า ถึงแม้จะตัวเล็กแต่ก็เล่นในระดับนี้ได้”
“ช่วงก่อนย้ายมาที่นี่ ก็ถูกคนไทยด้วยกันดูถูกว่า ไม่น่าจะเล่นในเจลีกได้ เพราะตัวเล็กกว่าคนญี่ปุ่น แถมเขายังเร็วและคล่องกว่าด้วย รวมถึงส่วนหนึ่งพูดว่าเราได้ย้ายมาเพราะเหตุผลทางการตลาด แต่มันเป็นการตลาดที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากกว่า เราไม่มีอะไรจะเสีย และเป็นโอกาสที่น่าพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น เพราะอาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้มันคือกำไร”
“มีอยู่นัดหนึ่งผมเป็นตัวสำรองในเกมฟุตบอลถ้วย เจอกับเซเรโซ โอซากา ตอนนั้นอยู่ข้างสนาม ได้แต่คิดในใจว่าเราคงเล่นไม่ได้แน่ เพราะเล่นกันเร็วมาก แถมเรายังไม่ชินกับสไตล์นี้ด้วย แต่พอได้รับโอกาสลงเล่นในครึ่งหลัง และได้สัมผัสบอล ก็รู้สึกทันทีว่าเราเล่นได้ หลังจากวันนั้นก็ได้เล่นตัวจริงมาโดยตลอด และเพื่อนก็ยอมรับในตัวเรามากขึ้น แถมส่วนตัวผมก็เป็นเฟรนด์ลี่ด้วย ยิ้มตลอด จะไม่ยิ้มแค่ตอนบาดเจ็บเท่านั้น”
นอกจากนี้ ชนาธิป ยังได้เผยถึงเรื่องราวนอกสนาม เกี่ยวกับความรักกับอดีตดารานางแบบสาวชื่อดังว่า การเลิกราครั้งนั้นไม่ได้ส่งผลกับฟอร์มในสนามมากเท่าไร เพราะมีฟุตบอลเป็นเครื่องช่วยเยียวยาหัวใจ
“เรื่องนอกสนาม ไม่ส่งผลกับการเล่นฟุตบอลเลย ตอนนั้นหลายคนก็คิดว่าผมจะเป็นยังไง แต่กลายเป็นว่าปีนั้นผมได้ MVP แต่ถามว่าตอนนั้นเสียใจไหม ก็เสียใจมากครับ คือพี่ทิ (ทิวาพล สังขพันธ์ /ล่ามประจำตัว) จะรู้ทุกเรื่อง แถมมีข่าวว่าผมร้องไห้ด้วยก่อนไปซ้อมบอล แต่โชคดีที่ผมอยู่ที่นี่ พวกเขา (สื่อ) เลยมาสัมภาษณ์ผมไม่ได้”
“ถึงแม้ว่าจะเสียใจค่อนข้างนาน แต่พอเราได้ลงสนามก็ทำให้ลืมทุกอย่าง เหมือนฟุตบอลเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้ในตอนนั้น แต่สุดท้ายแล้วในทุกๆ เรื่อง ผมเชื่อว่าเวลาจะเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาเราได้ดีที่สุด”
สำหรับ “เมสซีเจ” มีลุ้นกลับมาลงสนามอีกครั้ง ในเกมไทยดาร์บีระหว่าง โยโกฮามา มารินอส ซึ่งจะเปิดบ้านรับมือ คอนซาโดเล ซัปโปโร ในวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ เวลา 17.00 น.