หน้าแรกแกลเลอรี่

คนนี้...ที่รอคอย

บี บางปะกง

22 ก.ค. 2564 05:01 น.

แม้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงเล่นงานบ้านเราอย่างหนักหน่วง แต่สมาคมลูกหนังก็ยังยืนยันไทม์ไลน์ในการเปิดฤดูกาลฟุตบอลลีกไทยที่เลื่อนโปรแกรมจากเดิมสิ้นเดือนนี้ ไปเปิดซีซันกันตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.เป็นต้นไป

โดยก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ในวันที่ 8 ส.ค. จะเป็นศึก “ไทยแลนด์ แชมเปียนส์คัพ 2021” หรือ ศึกแชมป์ชนแชมป์ ระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก พบกับ สิงห์ เชียงรายฯ แชมป์บอลถ้วย “น็อกเอาต์” เอฟเอคัพ

ก็มาลุ้นกันดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆแล้วบอลไทยจะได้เริ่มสตาร์ตกันจริงหรือเปล่า? หรือว่า ต้องเลื่อนออกไปอีกจากสถานการณ์เชื้อมรณะที่ยังแดงแจ๊ดแจ๋อยู่ในหลายจังหวัด ณ เวลานี้!!

ส่วนบรรดาสโมสรหลายทีมก็ขยับปรับเปลี่ยน ตัวเองกันพอสมควร อย่างล่าสุดพลพรรค “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ก็ทำการเปลี่ยนแปลง กุนซือใหญ่อีกคำรบ

ด้วยการดึงเอา “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน เฮดโค้ชเนื้อหอมที่ทำให้แฟนบีจี ปทุม ได้สมหวังกับถ้วย แชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเข้ามา กุมบังเหียนแทน “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่ ถูกโยกไปนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของทีม

นับเป็นการ “Welcome Home” หวนคืน บ้านเก่าที่เคยสร้างชื่อให้กับเขาเมื่อเกือบทศวรรษ ที่แล้วของยอดโค้ชวัย 51 ปีผู้นี้ ซึ่งเคยคุมทัพสิงห์เจ้าท่า สมัยใช้ชื่อ “สิงห์ท่าเรือ” และฝากผลงานเป็นที่จดจำด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกรองสู่ลีกสูงสุดได้เมื่อฤดูกาล 2013 ด้วยฟอร์ม การเล่นที่เร้าใจกองเชียร์ชาวคลองเตยเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งการหวนคืนถิ่นแพท สเตเดียม อีกครั้ง ของ “ดุสิต เฉลิมแสน” ทำให้เจ้าตัวกลายเป็น “กุนซือรายที่ 10” ของการท่าเรือ เอฟซี ในยุคที่มี “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นประธานสโมสร

ต่อจาก “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม, อ.ไพบูลย์ ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์, แกรี สตีเวนส์, สมชาย ทรัพย์เพิ่ม, มาซาฮิโร วาดะ, “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ, “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ และ “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์

ว่ากันว่า “โค้ชโอ่ง” เป็นกุนซือที่ “มาดามแป้ง” พยายามเทียวไล้เทียวขื่อ ตามจีบมาคุมทัพสิงห์เจ้าท่า ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งเจ้าตัวเป็นเฮดโค้ชประจวบ เอฟซีในไทยลีก 2 เมื่อหลายปีก่อน

เพราะล่วงรู้ถึงความปรารถนาของสาวกท่าเรือที่อยากเห็นดุสิตคัมแบ็กคลองเตยมาโดยตลอด เรียกว่าเช็กกระแสแล้วความนิยมไม่เคยเสื่อมคลายลงไปเลยแม้แต่น้อย!!

มาสบจังหวะปีนี้ซึ่งบีจีขยับให้เจ้าตัวไปคุมทัพทีมพันธมิตร ราชประชา เอฟซี สู้ลีกรอง พร้อมกับส่งเรียนโปรไลเซนส์ให้จบจะได้กลับมา ทำทีมกระต่ายแก้วอย่างเต็มที่ในอนาคต

แต่ด้วยศักดิ์ศรีของคนเป็นโค้ชอาชีพที่เพิ่งทำทีมประสบความสำเร็จเป็นถึงแชมป์ไทยลีก สดๆร้อนๆ เชื่อว่า “โค้ชโอ่ง” เองก็ยังมีไฟในการ คุมทีมไล่ล่าโทรฟีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

บังเอิญเหลือเกินที่โชคชะตาฟ้าลิขิตให้ ประธานหญิงเหล็กแห่งถิ่นคลองเตย ต้องการยกเครื่องทีมขนานใหญ่หลังไม่ประสบความสำเร็จ ในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่ผ่านมาโฟกัสจึงถูกเล็งเป้ามาที่ “โค้ชโอ่ง” อีกครั้งจนได้

แม้ว่าดีลนี้จะไม่ใช่การดึงตัวขาดมาจากค่ายบีจี เพราะอดีตแบ็กซ้ายดาราเอเชียยังมีสถานะ เป็นพนักงานของบางกอกกล๊าสอยู่ แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ “ดีต่อใจ” ของแฟนๆ ถิ่นแพท สเตเดียมที่สร้างความยินดีปรีดามากกว่า โค้ชคนอื่นๆที่ “มาดาม” เคยใช้บริการอย่างชัดเจน

เหลือแต่ผลงานในสนามนี่แหละ...ที่จะเป็น เครื่องพิสูจน์ว่า “โค้ชโอ่ง” ดุสิต จะเป็น คนนี้... ที่รอคอย ของสาวกสิงห์เจ้าท่า

อย่างที่วาดหวังไว้...ได้จริงหรือเปล่า!!!

บี บางปะกง